สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 8 ต.ค. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงราย (78 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.เลย (71 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (99 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ฉะเชิงเทรา (81 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ราชบุรี (47 มม.) ภาคใต้ : จ.นครศรีธรรมราช (54 มม.)
วันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก.ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 9–13 ต.ค. 68.ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนลดลง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 84% ของความจุเก็บกัก (68,060 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 76% (43,939 ล้าน ลบ.ม.)
3. ประกาศแจ้งเตือน : ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 25/2568 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาจากกรมอุทกศาสตร์ โดยคาดหมายระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียง ในระหว่างวันที่ 9-18 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 06.00-17.00 น. เป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยคาดหมายระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียงอาจมีความสูงประมาณ 1.70–1.90 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกพัดปกคลุม ทำให้มีฝนตกในบางพื้นที่ ประกอบกับมวลน้ำจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วม เนื่องจากน้ำทะเลหนุน บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่านและการระบายน้ำบริเวณประตูคลองระบายน้ำ DR.2.8 ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก โดยมีนายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 นายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย ผู้แทนจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ เพื่อบูรณาการภาพรวมการบริหารจัดการน้ำและเตรียมการปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เร่งลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุดในการนี้ รองเลขาธิการ สทนช. ได้มอบหมายให้กรมชลประทาน พิจารณาเสนอแผนงานที่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านในระยะกลางได้อย่างยั่งยืน สำหรับพื้นที่ทุ่งบางระกำ ขอให้พิจารณาเร่งบริหารจัดการน้ำเมื่อระดับน้ำในแม่น้ำน่านเริ่มลดลง โดยคงเหลือปริมาณน้ำค้างทุ่งไว้ในพื้นที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเป็นน้ำต้นทุนให้เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2568/2569 ทั้งนี้ในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 สทนช. จะประชุมร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ หากอิทธิพลของพายุ “แมตโม” ไม่ได้ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำน่านจะลดลง ส่งผลให้แม่น้ำยมสามารถระบายลงสู่แม่น้ำน่านได้สะดวกมากขึ้น และสถานการณ์น้ำโดยรวมจะเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 7 ต.ค. 68