สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 22 ก.ย. 68

1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.น่าน (81 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อำนาจเจริญ (98 มม.) ภาคกลาง : จ.สมุทรสาคร (47 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (84 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (8 มม.) ภาคใต้ : จ.ราษฎร์ (20 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 23 – 25 ก.ย. 68”ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
2.พื้นที่ประสบอุทกภัย : วันที่ 21 ก.ย. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 13 จ. 55 อ. ได้แก่ จ.พิษณุโลก (อ.วังทอง และบางระกำ) จ.พิจิตร (อ.สามง่าม โพทะเล โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง บางมูลนาก ทับคล้อ เมืองฯ ดงเจริญ และสากเหล็ก) จ.เพชรบูรณ์ (อ.วิเชียรบุรี”ศรีเทพ หล่มเก่า และหล่มสัก) จ.นครสวรรค์ (อ.เมืองฯ ชุมแสง โกรกพระ และตาคลี) จ.อุทัยธานี (อ.เมืองฯ ห้วยคต ทัพทัน และสว่างอารมณ์) จ.ชัยนาท (อ.สรรพยา และมโนรมย์) จ.สิงห์บุรี (อ.เมืองฯ อินทร์บุรี และพรหมบุรี) จ.อ่างทอง (อ.เมืองฯ ป่าโมก วิเศษชัยชาญ และไชโย) จ.สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ บางปลาม้า เดิมบางนางบวช ดอนเจดีย์ อู่ทอง และสองพี่น้อง) จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร บางปะอิน มหาราช บางประหัน และพระนครศรีอยุธยา) จ.นครปฐม (อ.เมืองฯ บางเลน สามพราน และกำแพงแสน) จ.ฉะเชิงเทรา (อ.เมืองฯ และบางน้ำเปรี้ยว) จ.ปทุมธานี (อ.เมืองฯ และสามโคก)
3.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (21 ก.ย. 68) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สทนช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมจากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ณ เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จากนั้นเดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำ ณ ประตูระบายน้ำสิงหนาท 2 คลองพระยาบันลือ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายไพฑูรย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ฝนมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าระหว่างวันที่ 22 – 30 ก.ย. 68 มีแนวโน้มฝนจะเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “รากาซา” (Ragasa) ซึ่งแม้จะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่จะส่งผลให้เกิดร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงดังกล่าวมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น โดยในฐานะประธานคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) พื้นที่ภาคกลาง จึงได้นำคณะทำงานฯ ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และหารือทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพสอดรับกับสถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำในแต่ละวัน ทำให้สามารถลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด สำหรับสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยาปัจจุบันมีน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 จ.นครสวรรค์ ที่อัตรา 2,202 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมกับมวลน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำสะแกกรังและฝนที่ตกด้านเหนือเขื่อน ทำให้เหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,555 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำหน้าเขื่อน 15.83 เมตร และยังคงการระบายที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยแบ่งการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยารวม 355 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยอัตราการระบายที่เขื่อนเจ้าพระยานี้ยังคงส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ท้ายน้ำ ประกอบด้วย จ.ชัยนาท จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะได้นำผลลงพื้นที่ในครั้งนี้เข้าหารือในที่ประชุมติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และการคาดการณ์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 22 ก.ย. 68 เพื่อประกอบการบริหารจัดการน้ำให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
4. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 77% ของความจุเก็บกัก (62,246 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 66% (38,125 ล้าน ลบ.ม.)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 21 ก.ย. 68