ฉากชีวิต “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ผู้เห็นทั้งสวรรค์-นรก “จำนำข้าว”ตายก็พูดไม่ได้
ฉากชีวิต “บุญทรง เตริยาภิรมย์” จากนักธุรกิจหนุ่ม สส. รัฐมนตตรี ก่อนเข้าเรือนจำ จำนำข้าว ตายก็พูดไม่ได้
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา โดยตัดสินให้จำคุก 42 ปี จากความผิดทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2503 เป็นบุตรของนายทรวง กับนางสุมาลี เตริยาภิรมย์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต เมื่อปี 2525 และประกาศนียบัตรจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ด้านชีวิตครอบครัว บุญทรงสมรสกับ นางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ (ชื่อเดิม ปอยใจ สันติพนารักษ์) มีบุตร-ธิดา 3 คน คือ สฤษฎิ์วงษ์ เตริยาภิรมย์ เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ และกฤษฎิ์ชนัต เตริยาภิรมย์
ในชีวิตทำงาน นายบุญทรง เริ่มต้นเป็นนักธุรกิจด้านอุตสาหกรรม เคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2543
ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ปี 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย โดยชนะนางบุศรา โพธิสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยเอกหญิง ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ จากพรรคความหวังใหม่ ต่อมาได้ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยที่นายบุญทรง เป็นสมาชิกกลุ่มวังบัวบานที่มีความสนิทสนมกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย
ในการเลือกตั้ง ปี 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ สมัยที่ 4 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนมกราคม ปี 2555 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายบุญทรง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีนโยบายสำคัญคือ โครงการรับจำนำข้าว แต่จากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน โดยสำนักเอแบคโพล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 เขาเป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนไม่รู้จัก เป็นลำดับที่ 7
ผลจากการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดเขา พร้อมกับนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย กรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว
ในเดือนสิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ อม. 25/2558 คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ให้จำคุกนายบุญทรง 42 ปี
กระทั่งวันที่ 2 ธ.ค.67 ได้รับการพักโทษ โดยเขาได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษในช่วงต้นปี 2564 เหลือโทษ 16 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกครั้งในวันพ่อแห่งชาติ 2564 เหลือโทษจำคุก 10 ปี และจะพ้นโทษในวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2571 ต่อมา เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2567 กรมราชทัณฑ์ มีคำสั่งพักโทษ และได้ปล่อยตัวนายบุญทรงออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ยังอยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี 5 เดือน และต้องติดกำไลอีเอ็ม
ย้อนไปเมื่อ 25 ส.ค. 2560 หลังศาลฎีกาฯ พิพากษาคดีทุจริตจีทูจีข้าวโดยสั่งจำคุกนายทุญทรง 42 ปี
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึง “บุญทรง” เพื่อนรักดังนี้
“คนส่วนใหญ่วันนี้คงโพสต์ถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ผมขอโพสต์ถึง “เพื่อน” ผม “บุญทรง เตริยาภิรมย์”
ผมรู้จัก “บุญทรง” ตั้งแต่เราเข้ามาร่วมอุดมการณ์ตั้งพรรคไทยรักไทย ปี 2542-2543 อายุเท่าๆกัน “ฮุก” เกิด 2503 ส่วนผม 2504 คุยกันถูกคอ เราเป็นคนรุ่นเดียวกัน และเป็นรุ่นแรกๆที่เข้ามาทำการเมืองในพรรค ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยยังเป็น “วุ้น”
ผมรู้สึกว่า “บุญทรง” เป็นคนหนุ่มตั้งใจดี เป็นนักธุรกิจที่อยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้า เราคุยกันตลอด จัดสัมมนาร่วมกันเพื่อระดมความคิดในการทำการเมืองในหมู่คนรุ่นใหม่ด้วยกัน
เราอยากเห็นการเมืองใหม่ อยากเห็นการเมืองก้าวหน้า และเชื่อว่า “ทักษิณ ชินวัตร” จะเป็นผู้นำที่จะทำให้ความฝันของเราเป็นความจริง
ริมบ่อริมบึงหลังระดมความคิด ผมนั่งจิบเบียร์กับ “บุญทรง” หลายครั้งหลายหน ผมเชื่อว่าเราเข้าใจตรงกัน ในฐานะนักการเมือง “รุ่นใหม่” ในขณะนั้น
ชะตาชีวิตพลิกผัน ปี 2544 ผมเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ “เพื่อน” เป็น ส.ส. เขต เราคุยกันเสมอ ผมก้าวกระโดดจาก ส.ส. และโฆษกพรรค ปี 2544-2548 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี 2548 แต่ก็ติดต่อกันคุยและประสานงานกับ “เพื่อน” จนรัฐประหาร ปี 2549
จากนั้นก็แตกกระสานซ่านเซ็นกันไป
ได้ข่าว “เพื่อน” อีกทีเป็นเลขานุการส่วนตัวนายกฯ “สมชาย วงศ์สงวัสดิ์” ใจห่วงว่าเพื่อนจะปลอดภัยหรือไม่ ยกหูโทร.คุยกันครั้งหนึ่งเท่าที่จำได้ เพื่อนบอก “ไม่ต้องห่วง”
ส่วนผมนั้นโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ด้วยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้แต่ช่วยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
เวียนมาเจอและร่วมงานอีกครั้ง เมื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้ามาเป็น “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” หลังพ้นการตัดสิทธิ์ ปี 2555 “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปเยี่ยมห้องครัวเพื่อนไฟไหม้ ที่กระทรวง ยังหัวเราะกันอยู่
จน “เพื่อน” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง
“ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว” ผมแอบพลิกแฟ้มดู
“กูมีทีม” แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆที่ผมรู้จักถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่
เวลานายกฯยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ บางทีได้คุยกัน ได้ปรับทุกข์ผูกมิตรกันมากกว่าอยู่กรุงเทพฯ แต่ในแววตา “เพื่อน” มีความกังวล
ช่วงวิกฤต ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางทั้งหมดแต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน “ไม่สบายใจ”
หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคน
ผมถาม “มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง” ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ “กูพูดไม่ได้”
เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย
ทางการเมือง บางเรื่อง “ต้องตายไปกับเรา” พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม “เห็นใจ” เพื่อนที่ต้องเข้าไปติดกับ “เงื่อนไข” นั้นผมอาจจะ “โชคดี” กว่าที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และ “เพื่อน” ไม่ “โชคดี” เท่า
ผมโลดแล่นทางการเมืองมาหลายสิบปี เห็นคนตั้งใจดีโดนกลั่นแกล้งจนถอยไป และเห็นคนที่เริ่มต้นด้วยอุดมการณ์ดี แต่เวลาผ่านไป “เสียคน” ก็เยอะ เอาเป็นว่า หาก “ใจ” ไม่ “นิ่ง” จริง อำนาจทำลายล้างทางการเมือง ทำลายคนได้
ครั้งสุดท้ายที่เจอ “เพื่อน” เมื่อเร็วๆนี้ ก็ได้แต่ “โบกมือ” ทักทายกัน เพราะต่างมี “ภารกิจ” ไม่นึกว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนคำตัดสินของศาลวันนี้(25 ส.ค.2560)
สาธารณชนอาจจะตัดสิน “บุญทรง” อย่างไรก็ตาม และต่างๆนานา ย่อมทำได้ แต่ผมรู้จัก “บุญทรง” และไม่ว่าจะในสถานะใด จะผิดจะถูกอย่างไร เขาเป็น “เพื่อน” ผมเสมอ ขอให้ “เพื่อน” โชคดีและพ้นวิบากกรรม ผมขอให้กำลังใจ.