สรุปข่าวรอบสัปดาห์ วันที่ 9 ก.ย.- 14 ก.ย. 67
สรุปข่าวรอบสัปดาห์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ข่าวในประเทศ
เลื่อนลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต : นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เผยว่า เลื่อนการเปิดลงทะเบียนโครงการดิจิทัล วอลเล็ต สำหรับคนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ผ่าน 3 ธนาคารรัฐ ได้แก่ ออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. ส่วนวันที่ยังไม่ระบุแน่ชัดต้องรอจ่ายเงินให้กับเฟสแรก กลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน แต่ไม่ต้องกังวัล รัฐบาลมีเงินเพียงพอในการดำเนินโครงการต่อแน่นอน ส่วนการจ่ายเงินเฟส 2 นั้น อาจจะจ่ายทีเดียว 10,000 บาท หรือแบ่งจ่ายเงินสด และดิจิทัลครั้งละ 5,000 บาท ต้องขอดูยอดหลังปิดลงทะเบียนทั้งโครงการให้ชัดก่อน ถึงจะบอกได้ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็จะดำเนินการให้ได้ครบทุกคน
คาด จีดีพีโต 3% : ปลัดคลัง เชื่อเศรษฐกิจปี 67 สามารถโตได้ถึง 3% จากการหนุนของดิจิทัล วอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์ โดยไตรมาส 4/2567 จะมีจ่ายเงินหมื่นล็อตแรก ให้กับกลุ่มเปราะบาง ผู้พิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นเงินสดผ่านพ้อมเพย์ ในวันที่ 25-27 และ 30 ก.ย. นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนไทยกลับมามีเสถียรภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ทันปีนี้ : อาจจะเป็นเรื่องน่าเศร้าของใครหลายคนที่เฝ้าคอยเงินหมื่นจากรัฐบาล ซึ่ง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผยมาว่า เงินดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 2 อาจจะไม่ทันปีนี้ ! สุดจะช็อก รอแล้วรออีก ก็คงต้องรอต่อไป จะได้มั้ยก็ยังไม่แน่นอน ต้องถกกันอีกหลายนัด หลังจากนี้จับตาให้ดีว่าจะมีอะไรมาแถลงอีก
ขยายวงเงิน ช่วยน้ำท่วม : กรมบัญชีกลาง ได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีอุทกภัย เพิ่มเติมแล้ว จังหวัดละ 100 ล้านบาท รวมเป็น 200 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยและการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์
ออมสินช่วยปนะชาชน : เวลาแห่งความทุกข์ใจ ของพี่น้องทางภาคเหนือ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ทำให้บ้านเรือนเสียหาย ไม่มีที่ทำกิน หรือแม้กระทั่งที่หลับที่นอน โดย ธนาคารออมสิน ออกชุดมาตรการทางการเงินเพื่อลดภาระของผู้ประสบภัย ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้และลดดอกเบี้ย โดยให้พักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ โดยแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
บาทแข็งค่า : จับตาบาทแข็งค่าแรง มีความผันผวนมากขึ้น ทั้งนี้ ธปท.ติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคธุรกิจ โดยปัจจัยหลักมาจากต่างประเทศที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก หลังมีความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยพิเศษมาจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยหนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นด้วย
โอกาสจากสงคราม : สงครามการค้าจีน-สหรัฐ สามารถสร้างโอกาสให้กับไทย โดย รมว.พาณิชย์ เผยว่า ด้วยความสัมพันธ์อันดีที่ทั้งสหรัฐฯ และจีน มองเราเป็นเพื่อน จะทำให้เกิดการหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในกิจการผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท และเชื่อว่าภายในไม่อีกกี่ปี จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB มูลค่าหลายแสนล้านถึงล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้อุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าต่าง ๆ เข้ามาผลิตในไทย
ททท. จัดบิ๊กอีเวนต์ : กระแสท่องเที่ยวไม่แผ่ว ขนทัพทั้งมาตรการดี ๆ และจัดงานใหญ่ ๆ ออกมาเพียบ ล่าสุด ททท. จัดเต็ม “มหกรรมเสน่ห์ไทย 5 ภูมิภาค” ยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น ร้อยเรียงเรื่องราว เสริมนวัตกรรมสมัยใหม่ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเสน่ห์ไทย (Soft Power) ด้วยบิ๊กอีเวนต์ 5 พื้นที่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ชลบุรี กาญจนบุรี และขอนแก่น คาดสร้างรายได้หมุนเวียนทางการท่องเที่ยวกว่า 800 ล้านบาท โดยในแต่ละพื้นที่ จะนำเสนอเทศกาลดนตรี แสงสีเสียง อาหาร ศิลปะ และวัฒนธรรมถิ่น พร้อมด้วยสินค้าบริการ และกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ผ่านแนวคิด 5 Must Do in Thailand
ไก่ไทยได้ไปต่อ : อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประกาศรายชื่อให้การรับรอง และขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต และแปรรูปเนื้อสัตว์ปีก และผลพลอยได้ไก่แช่แข็งของไทย เพิ่มอีก 3 โรง จากเดิมที่ได้รับการรับรอง และส่งออกได้ในปัจจุบัน 23 โรง รวมเป็น 26 โรงงาน ซึ่งในปี 66 มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกแช่แข็งไปยังประเทศจีนจำนวน 16,900 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก 67 (ม.ค.-มิ.ย.) มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท คาดว่าตลอดปี 67 มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาท
ดัชนีผู้บริโภคทรุดหนัก : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดิ่งลงเหว อยู่ที่ 56.6 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 13 เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค.66 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 50.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ อยู่ที่ 53.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 65.6 โดยดัชนีฯ ทุกรายการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 เช่นเดียวกัน ไม่รู้จะหันไปทางไหนดี มีแต่ลดกับลด อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจในประเทศยังไม่มีความชัดเจน
ทองคำปิดบวก : ปิดตลาดทองคำในรอบสัปดาห์ ประจำวันที่ 9 ก.ย.-13 ก.ย. ราคาทองคำปรับตัวลง โดยปิดตลาดเป็นบวก 350 บาท ส่งผลให้ราคาทองแท่ง รับซื้ออยู่ที่ 40,400 บาท และขายออกที่ 40,500 บาท Gold Spot 2,566.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
แข็งค่าในรอบ 19 เดือน : สถานการณ์เงินบาทแข็งค่าสุดรอบ 19 เดือน ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนของนักลงทุนท่ามกลางการปรับการคาดการณ์ของตลาดมามองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในขนาดที่มากกว่า 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. นี้
เงินบาทสัปดาห์หน้า : คาดการณ์สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ผลการประชุมนโยบายการเงินของ FOMC (17-18 ก.ย.) BOJ (19-20 ก.ย.) และ BOE (19 ก.ย.) ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน รวมถึงข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น
ตลาดหุ้น : จับตาการคาดการณ์หุ้นในสัปดาห์ถัดไป (16-20ก.ย.) โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,410 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,440 และ 1,450 จุด ตามลำดับ โดยในวันศุกร์ที่ 13 ก.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 424.39 จุด ลดลง 0.23% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65,359.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 2.01% มาปิดที่ระดับ 351.58 จุด
ข่าวต่างประเทศ
เฟดปรับลดดอกเบี้ยสัปดาห์ : โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยในวันศุกร์ (13 ก.ย.) ว่า บริษัทยังคงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในสัปดาห์หน้า (17-18 ก.ย.) ซึ่งสวนทางกับรายงานข่าวที่มีการคาดการณ์ครั้งใหม่ว่า เฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
ดอลลาร์แข็งค่า : ดอลลาร์แข็งค่าเทียบเท่าเงินเยน โดยสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ราว 143 เยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งเครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 73% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 27% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
ไปได้สวย : ส่งออกจีนพุ่ง ในเดือน ส.ค. ซึ่ง สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกพุ่งขึ้น 8.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 6.5% และดีกว่าในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 7% แต่กลับกัน ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 2% และย่ำแย่กว่าในเดือนก.ค.ที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 7.2%
จีนสั่ง EV ไว้ในประเทศ : กระแส EV ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีน สั่งกำชับผู้ผลิตรักษาเทคโนโลยี EV ไว้ภายในประเทศ โดยได้แนะนำอย่างจริงจังให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ตรวจสอบให้แน่ใจว่า เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ก้าวล้ำของจีนยังคงอยู่ในประเทศ แม้ว่าผู้ผลิตเหล่านั้นได้สร้างโรงงานขึ้นทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าส่งออกของจีนก็ตาม นอกจากนี้ เหล่าผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการจะลงทุนในตุรกีควรแจ้งแก่กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีน และสถานทูตจีนประจำตุรกีเสียก่อน
BOJ ลดดอกเบี้ย : จับตา ธนาคารกลางญี่ปุ่น อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ธ.ค. สำหรับการประชุม BOJ ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 20 ก.ย. ขณะที่คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ และกรรมการคนอื่น ๆ ของ BOJ ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า BOJ อาจจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามผลกระทบของความผันผวนในตลาดการเงินที่จะมีต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ
ขาดแคลนแรงงาน : ไต้หวันประกาศแผนดึงดูดนักศึกษาต่างชาติปีละ 25,000 คน เพื่ออยู่ทำงานต่อหลังเรียนจบ หวังแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ท่ามกลางอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เผยนักศึกษาไทยติดอันดับต้น ๆ ที่บริษัทไต้หวันอยากได้ตัวร่วมงาน ทั้งนี้ ไต้หวันกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม โดยสภาพัฒนาแห่งชาติประมาณการว่าช่องว่างในตลาดแรงงานของไต้หวันจะอยู่ที่ประมาณ 350,000 คนภายในปี 2571 และ 480,000 คนภายในปี 2573
น้ำมันในตลาดโลก : สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (12 ก.ย.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากข่าวพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) ที่พัดขึ้นฝั่งรัฐลุยเซียนาและส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.47% ปิดที่ 68.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 71.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ทองคำโลก : สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (13 ก.ย.) โดยยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 30.10 ดอลลาร์ หรือ 1.17% ปิดที่ 2,610.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และในรอบสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้น 3.14% นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปข่าวรอบสัปดาห์ วันที่ 2 ก.ย.- 7 ก.ย. 67