“ไทฯครับ” จับเอกลักษณ์วรรณคดีไทยสร้างธุรกิจ
การรวมตัวกันของกลุ่มนักออกแบบซึ่งทำงานเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และคาแรกเตอร์ดีไซน์อย่าง ปัณณธร ปานทอง, สุรพงษ์ แดงผ่องศรี, นันทชัย สันทัดการ และกุลธวัช เจริญผล ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์จากไอเดียแสนบรรเจิดที่นำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาต่อยอด จนกลายเป็นตุ๊กตาเด็กจุก ชุดโขน น่ารักที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่พบเห็นภายใต้แบรนด์ “ไทฯครับ” (Thai Craft)
-รวมตัวสร้างธุรกิจ
นันทชัย หนึ่งในผู้รวมก่อตั้งธุรกิจแบรนด์ “ไทฯครับ” เล่าถึงจุดเริ่มต้นของไอเดียในการทำธุรกิจของพวกเค้าว่า มาจากการที่ช่วงเวลาหนึ่งได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยที่มีเพื่อนเปิดร้านขายของฝากอยู่ที่นั่น ทำให้ได้พบว่าที่ตลาดอัมพวายังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของอัมพวาอย่างแท้จริง เพราะมองว่าหากจะเป็นของฝากอย่างแท้จริงของแต่ละสถานที่ก็ควรจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้ซื้อนึกถึง และรู้ว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากที่ใด
ทั้งนี้ เมื่อโจทย์ที่ได้มาเป็นที่ชัดเจนก็กลับมาปรึกษาหารือกันในกลุ่มว่าอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของอัมพวาที่คนเห็นแล้วจะรู้เลยว่ามาจากอัมพวา โดยสิ่งที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันก็คือเอกลักษณ์ไทยประเภท “โขน” ซึ่งจะมีการจัดแสดงที่อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย หรือ อุทยาน ร.2 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จมาทอดพระเนตรทุกปี ขณะที่ป้ายด้านหน้าของอัมพวาก็มีรูปหัวโขนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนุมาน ทศกัณฐ์ ฯลฯ เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าน่าจะเอาเอกลักษณ์ดังกล่าวนี้มาเป็นจุดขายที่นักท่องเที่ยวต้องซื้อกลับไป และที่สำคัญโขนก็เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะได้บทสรุปที่ตกผลึกอย่างแน่ชัดแล้วว่าจะต้องเป็น โขน แต่ก็ต้องการที่จะสร้างความแตกต่าง โดยมองว่าน่าจะต้องทำเป็นตุ๊กตาเด็กจุก เพราะคาแรกเตอร์ของหนุมานมีผู้ที่ทำออกมามากแล้วในตลาด แต่ตุ๊กตาหัวโขนยังไม่มีใครทำ เราจึงนำคาแรกเตอร์ทั้ง 2 ประเภทมารวมกัน โดยทำเป็นตุ๊กตาเด็กจุกที่สวมใส่ชุดโขน สามารถถอดหัวที่เป็นหน้ากากโขนออกได้
“ เอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ไทครับ ก็คือการที่ถอดหมวกที่เป็นชุดโขนออก คาแรกเตอร์ด้านในก็จะเป็นตุ๊กตาในรูปของเด็กจุก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเด็กไทย โดยที่เราได้รวบรวมเอกลักษณ์ทั้ง 2 รูปแบบมาไว้ในผลิตภัณฑ์เดียวกัน ”
-เล็งต่อยอดสู่วรรณคดีไทยเรื่องอื่น
นันทชัย กล่าวต่อไปอีกว่า แบรนด์ “ไทฯครับ” เริ่มทำตลาดครั้งแรกที่ตลาดอัมพวาเมื่อปี 2558 และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค หลังจากนั้นจึงได้ส่งเข้าประกวดตามโครงการของรัฐบาล ทำให้มีโอกาสอบรมและได้เข้าร่วมโครงการจับคู่ธุรกิจกับคิงพาวเวอร์, เดอะมอลล์ และสยามพิวรรธน์ โดยที่ทั้ง 3 แห่งให้ความสนใจในการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายเป็นจุดหลัก อีกทั้งยังมีร้านแถวถนนพระอาทิตย์ และที่หมู่บ้านโขนด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ผ่านเพจเฟสบุ๊ก ซึ่งก็มีผู้ที่ให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมาก
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดปีนี้นั้น แบรนด์ “ไทฯครับ” จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่คาแรกเตอร์อื่น เช่น พระราม นางสีดา และทศกัณฐ์ เป็นต้น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า รวมถึงสร้างความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ในอนาคตแบรนด์ “ไทฯครับ” ก็จะแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปสู่วรรณคดีไทยเรื่องอื่น โดยเรื่องที่ทางทีมเห็นพ้องต้องกันก็ก็คือเรื่องเงาะป่า และผีตาโขน ซึ่งยังไม่มีผู้ผลิตรายใดในประเทศเคยทำมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังมีแผนที่จะออกงานแสดงสินค้า เพื่อเข้าหาผู้บริโภคโดยตรง โดยมองไว้ที่การออกงานที่เกี่ยวกับงานแสดงสินค้าของขวัญ และงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (BIG+BIH) ซึ่งจะมีการจัดขึ้น 2 ครั้งที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนาในช่วงต้นปี และปลายปี โดยคาดหวังว่าจะได้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ ซึ่งจากกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถทำให้รายได้เติบโตขึ้นได้ประมาณ 2 เท่า หรือเพิ่มเป็น 2-3 ล้านบาทจากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1.2-1.3 ล้านบาท
“ ที่เราทำตุ๊กตาในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีไทยก็เพราะในปัจจุบันมีตุ๊กตาจากต่างประเทศที่เป็นสินค้ามีลิขสิทธิ์เข้ามาทำตลาด และค่อนข้างจะได้รับความนิยมจากเด็กไทยเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราจึงต้องการทำให้ตุ๊กตาเด็กจุกหัวโขนแบรนด์ ไทฯครับ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้เด็กไทยได้รับรู้ถึงความเป็นไทย และภูมิใจในเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ”
-เด่นที่เอกลักษณ์ความเป็นไทย
นันทชัย กล่าวต่อไปอีกว่า จุดเด่นของตุ๊กตาเด็กจุกหัวโขนแบรนด์ “ไทฯครับ” อยู่ที่การหยิบยกเอาคาแรกเตอร์ตัวละครจากวรรณคดีไทยมาทำเป็นตุ๊กตาในรูปแบที่น่ารัก โดยจะทำให้เด็กไทยสนใจที่จะติดตามต่อว่าคาแรกเตอร์ของตัวละครแต่ละตัวมีที่มาที่ไปอย่างไร เสมือนได้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รับรู้ ซึ่งเราจะสอดแทรกรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครไว้ที่แพคเก็จจิ้งด้วย
ส่วนกุญแจที่ไขไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจ พวกเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองถนัด และมีใจรักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาพวกเราก็ได้มีการทำแบรนด์ รวมถึงออกแบบโลโก้ และสร้างมาสคอตให้กับผู้อื่นมามาก เพราะฉะนั้น เชื่อว่าหากทำในสิ่งที่ตนเองรักก็น่าจะทำออกมาได้ดี และมีความรู้สึกสนุกไปกับการทำงาน ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก.