คลังลดภาษีไวน์
• หนุนไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวและกินดื่ม
• เปิดมาตรฐานใหม่อัตราภาษีเทียบเท่าสากล
• มั่นใจเก็บรายได้เพิ่ม จับตาสินค้าเถื่อนทะลัก
อัตราภาษีไวน์ใหม่ จะช่วยทำให้ประเทศไทยมีอัตราภาษีที่สากล และสามารถเปรียบเทียบกับนานาประเทศได้ โดยเฉพาะเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวจะทำให้นักท่องเที่ยวกิน และดื่ม ที่ประเทศได้มากขึ้น
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้ลดอัตราภาษีไวน์ตามที่กระทรวงการคลัง เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเรา คาดหวังว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกินดื่มที่ประเทศไทยมากขึ้น ภายหลังจากอัตราภาษีไวน์ลดลงแล้ว
สำหรับอัตราภาษีไวน์ที่ปรับปรุงในครั้งนี้ จะทำให้ราคาไวน์ต่างประเทศ รวมถึงไวน์ที่ผลิตในประเทศไทย มีราคาถูกลง ส่วนเคยเสียภาษีไวน์ในอัตรา 10% จะลดลงเหลือ 5% เป็นต้น ส่วนไวน์ขวดไหนจะมีราคาขายถูกหรือแพง ในท้องตลาดก็ขึ้นอยู่กับราคาของไวน์ขวดนั้นๆ ด้วย
“ภาษีไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น จากเดิมเก็บภาษีมูลค่าราคาเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และสำหรับไวน์ที่ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เก็บที่ 0% ปรับเป็นเหลือภาษีเท่ากันที่ 5% และปรับลดเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์จาก 1,500 บาทต่อลิตร เหลือ 1,000 บาทต่อลิตร หรือเก็บขวดละท 100 บาท” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว และกล่าวว่า
ส่วนภาษีฟรุ๊ตไวน์ หรือสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น จากเดิมเก็บภาษีมูลค่าราคาเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และสำหรับไวน์ที่ราคาไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ลดเหลือ 0% ทั้งหมด ขณะที่การเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ยังเท่าเดิม 900 บาทต่อลิตร
“ภาษีไวน์จะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่ประกาศลงในกฎกระทรวง ซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาไม่นานนัก” ปลัดกระ ทรวงการคลัง กล่าว
นอกจากนี้ เราคาดว่า การลดภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว จะไม่ทำให้รายได้ลดลง แต่กลับทำให้รายได้การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นสุทธิ 401 ล้านบาทต่อปี และจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.0073% เทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 2,900 ล้านบาท
ส่วนกรณีไวน์เถื่อนที่เข้ามาในประเทศก่อนหน้านี้ ได้สั่งให้กรมสรรพสามิตเข้มงวด และจับกุมผู้กระทำความทันที โดยยืนยันว่า ภาษีไวน์ใหม่จะจัดเก็บกับไวน์ที่นำเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีใบขนและเอกสารนำเข้าถูกต้อง เช่น วัน เดือน และปี ต้องลงหลังจากวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วเท่านั้น
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมจะเข้มงวดเรื่องเอกสารและพิธีการนำเข้า เพื่อไม่ให้มีไวน์เถื่อนมาสวมต่อเป็นไวน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ เราก็จะไม่มองเรื่องนี้ ย้อนไปข้างหลัง แต่จะทำเรื่องใหม่ เพื่อให้เดินในอนาคตถูกต้องตามนโยบายของกระทรวงการคลัง
สำหรับมาตรการที่ ครม.อนุมัติ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและกระตุ้นเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย ประกอบด้วย 2 มาตรการหลัก ได้แก่
1.การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการเพิ่มพิกัดภาษีใหม่ สำหรับสุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ สาโท ที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน7ดีกรี จากเดิมเก็บภาษีตามมูลค่า 10% ลดเหลือ 0% ขณะที่ภาษีปริมาณเก็บเท่าเดิม 150 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์ ส่วนสุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสม เช่น โซจู ที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน7ดีกรี ให้เก็บภาษีตามมูลค่าที่ 10% เท่าเดิม แต่ขึ้นภาษีปริมาณจากเดิม 150 บาทต่อลิตร เป็น 255 บาทต่อลิตร
และ2.ลดภาษีสถานบันเทิง ที่ประกอบกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ เช่น ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ จากภาษีอัตรา 10% ของรายรับ ลดเหลือ 5% มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุดถึง 31 ธ.ค. 67 เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ