เงินบาทผันผวนอ่อนและแข็งค่า 36.90 บาท
เงินบาทพลิกแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ที่ 36.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก สวนทางเงินดอลลาร์ฯที่แข็งค่าขึ้นในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังมีสัญญาณตึงเครียดในอิสราเอล
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าโดยได้รับอานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกและแรงซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ทยอยอ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่เฟด บางท่านออกมาให้ความเห็นว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในช่วงที่ผ่านมาอาจลดความจำเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด
นอกจากนี้ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อ 19-20 ก.ย. ยังสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า
เงินบาทพลิกแข็งค่าท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังมีสัญญาณสะท้อนว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องความจำเป็นของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อสหรัฐฯ
SET Index เผชิญแรงขายก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศแต่ยังปิดบวกได้ เนื่องจากคลายกังวลบางส่วนต่อประเด็นเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ต.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 37.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-12 ต.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2,854 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 16,287 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 17,307 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 1,020 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค.2566 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.70-36.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินเอเชีย สถานการณ์ในอิสราเอล และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่
ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนต.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. รายงาน Beige Book
และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของยูโรโซนการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน และตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ตลอดจนยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนก.ย. ด้วยเช่นกัน