เศรษฐา ทัวร์ทั่วไทย เรียกเรตติ้ง โกอินเตอร์ ยูเอ็น-จีน
เศรษฐา ทัวร์ทั่วไทย เรียกเรตติ้ง โกอินเตอร์ ยูเอ็น-จีน ถ่วงดุลมหาอำนาจโลก
ตั้งแต่เศรษฐา ทวีสิน “หัวหน้ารัฐบาล” ขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ล่าสุดไปเชียงราย-เชียงใหม่ การรับข้อเสนอเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมามากขึ้นในสนามบินเชียงใหม่ และโปรเจ็กต์ใหม่ถอดด้าน อย่าง “สนามบินล้านนา” ให้เป็น “สนามบินแห่งที่ 2” วงเงินลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 20 ล้านคนต่อปี
เศรษฐา ยึดภาคเหนือปักหมุน เพื่อไทย
ภาคเหนือ ถือเป็น “แลนด์มาร์ก” ที่นักท่องเที่ยว “ปักหมุด” แต่ความเป็น “หัวเมืองใหญ่” ปัญหาจึงเกิดจากการหมักหมมของปัญหาที่มาได้รับการแก้ไข ทั้งด้านการเจรจาที่แออัด ปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน-ฝุ่นพิษ PM2.5 แม้จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ จะเป็น “ฐานที่มั่น” ของ “ตระกูลชินวัตร” แต่การเลือกตั้ง 66 ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ “เสียแชมป์” ต้อง “แชร์เก้าอี้” ให้ “พรรคคู่แข่ง” อย่างพรรคก้าวไกลหลายที่นั่ง ส่วน “คะแนนปาร์ตี้ลิสต์” ถูก “พรรคสีส้ม” หายใจลดต้นคอก่อนหน้านี้หลังสภาโหวต “เศรษฐา” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้ 3 วัน “ล่องใต้” ภูเก็ต-พังงา พบผู้ประกอบการธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ปลุกการท่องเที่ยวฝั่งอันดามันให้เป็น “เพชรเม็ดเอก” ด้วย “สนามบินพังงา” เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ยกระดับท่าอากาศยานภูเก็ตให้เป็น “สนามบินอันดามัน”
บูมธุรกิจท่องเที่ยวใต้-เหนือเราไม่ทิ้งกัน
ภาคการท่องเที่ยว คือ “เครื่องยนต์เศรษฐกิจ” สำคัญที่จะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ สร้างรายได้ให้ “คนใต้” พ้นจากความยากจน หลังจากถูกพิษการเมือง “ภาคนิยม” เลือกปฏิบัติ จนภาคใต้เว้นวรรคจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปเกินกว่าทศวรรษ การเลือกตั้งที่ผ่านมาจึงเห็นภาพการต่อสู้ทางการเมืองที่เน้นการขายนโยบายปากท้องเป็นส่วนประกอบหลัก ส่วนการเมืองปราศรัยเชือดเฉือนกันด้วยวาทะกรรมความนิยมลดน้อยลง การเลือกตั้ง 66 จึงเป็น “สงครามครั้งสุดท้าย” ของผู้เล่นที่เป็นเจ้าตลาด-ผูกขาดการเมืองภาคใต้
การทัวร์จังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่แรกและใช้นโยบายเศรษฐกิจเป็น “ตัวชูโรง” จึงส่งผลบวกในคะแนนนิยมไปถึงการ “เก็บแต้ม” ทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งถัดไป หลังจากเป็นพื้นที่สู้รบ พรรคเพื่อไทยจึงไม่ได้ สส.เขต แม้ที่นั่งเดียว ขณะเดียวกัน “คะแนนนิยม” ของพรรคในปักษ์ใต้ก็อยู่ในอันดับ “รั้งท้าย”
“นิด” โกอินเตอร์ชูประชาธิปไตยดูดนักลงทุน
ในสัปดาห์นี้นายเศรษฐามีวาระเดินทางไปต่างประเทศ-มหาอำนาจของโลกติดต่อกัน เดือนกันยายนจะเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18 – 24 กันยายน 2566โดยจะพบกับนักลงทุนที่เป็นซีอีโอบริษัทยักษ์ระดับโลกอย่าง ไมโครซอฟท์ กูเกิล เทสลา เพื่อดึงดูดมาลงทุนไทยในประเทศไทย และเป็นการส่งสัญญาณว่าไทย “เปิดประเทศ” เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยเต็มใบนอกจากนั้นในเดือนตุลาคม วันที่ 8-10 ตุลาคม 2566 จะเดินไปทางไปประเทศจีนเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวของไทย ภายหลังอนุญาตนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า-ฟรีวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วง “Golden Week” ในช่วงวันชาติจีน ยาวไปถึงเทศกาลตรุษจีนปี 67 โดยการท่องเที่ยวมี “เป้าใหญ่” อยู่ที่ปี 67 ให้ทุบสถิติรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทะลุ 3.1 ล้านล้านบาท เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน นักท่องเที่ยวในประเทศ 180 ล้านคนครั้ง
ยืนข้างสหรัฐฯ พร้อมผูกมิตรกับจีน
การเดินทางไปประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนในเวลาไล่เรี่ยกันก็เพื่อส่งสัญญาณทางการทูตว่า รัฐบาลของนายเศรษฐาให้ความสำคัญกับทั้งสองประเทศไม่น้อยไปกว่ากัน เป็นการเดินเกมทางการทูต “เหยียบเรือสองแคม” สร้างสมดุลระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ เบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของโลก ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่งรัฐบาลเศรษฐา นับจากนี้ แม้สตาร์ตด้วยแก้แก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้อง แต่ท่าจบทางการเมืองต้องลงสวย-ถึงวันเลือกตั้งครั้งหน้า หลังจากใช้ต้นทุนทางการเมืองไปจนหมดหน้าตัก เพื่อผสมพันธุ์ข้ามขั้วกับพรรคการเมือง 2 ลุง