หนุนรัฐบาลใช้งบดันจีดีพีฟิลิปปินส์
แผนบริหารจัดการเพื่อเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลที่ตั้งเป้าไว้ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ยังมีเหลือที่ให้สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนให้ฟิลิปปินส์มีตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่า 8% ต่อปี แต่อาจนำไปสู่ความกดดันในระยะสั้นในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น
ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของฟิลิปปินส์ยังคงต่ำกว่าเป้าที่ 2% ของจีดีพีในปี 2556 โดยมีช่องว่างอยูที่ 1.4% ก่อนที่จะลดลงเหลือ 0.6%ในปี 2557 และดีดกลับมาอยู่ที่ 0.9% ในปี 2558
นายเอมิลิโอ เนริ จูเนียร์ รองประธานธนาคารแห่งเกาะฟิลิปปินส์ และนักวิเคราะห์ชั้นนำให้ความเห็นว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงถึง 8% จะเป็นไปได้แน่นอน ถ้ารัฐบาลใหม่จะมุ่งเน้นที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก่อนเป็นสิ่งแรก
นายเนริอธิบายว่า “ในสมัยการบริหารของประธานาธิบดีอาคิโน ตัวเลขขาดดุลงบประมาณเฉลี่ยอยู่ที่1.5% ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในรัฐบาลใหม่ หากรัฐบาลยังดำเนินการในโครงสร้างพื้อนฐานอย่างต่อเนื่องและการทุจริตโกงกินไม่แพร่กระจายและขยายตัวเร็วนัก ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 8% ต่อปีก็มีโอกาสเป็นไปได้แน่นอน ”
นายเนริเน้นว่า หากทำได้จริงจะเป็นการหนุนเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศในการสร้างงานของฟิลิปปินส์ ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยเขาสรุปว่า“ถ้าตลาดเห็นว่าภาครัฐมีการใช้เงินงบประมาณไปในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นที่จะอัดฉีดเงินเข้ามาในฟิลิปปินส์มากขึ้น ”
ในอนาคตหากรัฐบาลใหม่ไม่อาจมุ่งการใช้จ่ายงบประมาณไปที่โครงสร้างพื้นฐานได้โดยทันที อาจเกิดปัญหาความต้องการทางการคลังที่เพิ่มขึ้นจนมีแรงกดดันให้ต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายเนริ ยังได้กล่าวต่อว่า “หากการใช้จ่ายงบประมาณไม่เกิดประโยชน์กับรัฐบาล รัฐบาลก็ไม่อาจใช้ระบบการจัดเก็บภาษีมาชดเชยได้ทันที เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะฟื้นฟูแก้ปัญหาได้ครอบคลุมทันทีในสิ่งที่รัฐบาลใช้จ่ายไปในวันนี้ แล้วไปจัดเก็บภาษีทดแทนในอนาคต ”
เขาอธิบายว่า“ในระหว่างช่วงเวลาที่รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไปจำนวนมากแล้วยังไม่อาจเก็บภาษีมาคืนคลังได้ ความต้องการทางการคลังของรัฐบาลจะเป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากนั่นคือต้องมีแรงกดดันให้รัฐบาลต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ”
ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจากการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.0% ในช่วงต้นปี 2560 นี้.