ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 25-26 ส.ค. 2566
อยู่ยากแล้ว องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN)
เรื่องที่ 2,747 อยู่ยากแล้ว องค์การสหประชาชาติ (United Nations: UN) ได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยชี้ว่ายุคโลกร้อน (Global Warming) สิ้นสุดลงแล้ว และยุคโลกเดือด (Global Boiling) ได้เริ่มขึ้นแล้ว
จากการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง พบว่า ตั้งแต่ปี 2558 – 2565 มีอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับภูมิภาคเอเชียพบอุณหภูมิเฉลี่ยในปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปีย้อนหลัง ทั้งยังพบว่าอุณหภูมิในมหาสมุทรฝั่งเอเชียมีอัตราร้อนขึ้นเกิน 0.5 องศาเซลเซียสต่อ 10 ปี ซึ่งเร็วกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกประมาณ 3 เท่า
กรมอนามัย แจ้งว่า สำหรับประเทศไทย พบว่า ในปี 2566 มีแนวโน้มอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 1.5 องศาเซลเซียส โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2566 ที่จังหวัดตาก มีอุณหภูมิสูงสุด 44.6 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับอันตรายมาก (อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 43 องศาเซลเซียส)เมื่อเทียบกับค่าเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อน และคาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงอย่างต่อเนื่องถึงเดือนเมษายน 2567 เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากความร้อนในอัตรา 58 ต่อแสนประชากร หรือ 14,000 ราย ภายในปี 2623 หรือในอีก 57 ปีข้างหน้า
ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนี้
1) ร่วมมือ ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ภาวะโลกเดือดมากกว่าเดิม โดยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ลดการใช้พลาสติก ลดการเผาที่ปล่อยมลพิษทางอากาศ ลดการใช้พลังงาน ลดขยะในครัวเรือน และเลือกใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
และ 2) เตรียมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น หมั่นติดตามสภาพอากาศ หากพบว่ามีสภาพอากาศร้อนขึ้น ควรดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ สวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี แต่หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมภายนอกอาคาร ควรสวมเสื้อแขนยาว หมวกปีกกว้าง แว่นตา และทาครีมกันแดด รวมถึงควรงดดื่มสุรา น้ำหวาน น้ำอัดลม สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงสูง ควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด และเตรียมเบอร์โทรศัพท์ 1669
เรื่องที่ 2,748 ได้ฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนแล้วสะท้อนอะไรได้มากมายสำหรับตำแหน่งนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงของแต่ละแห่ง ซึ่งล่าสุดมีโอกาสได้คุยกับนักลงทุนต่างชาติอยบย่างนายแดเนียล วีคส์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาค บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี
แดเนียลก็ยังสะท้อนความคิดเห็นได้สิดคล้องกับผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยมองว่าผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านใดก็ตต้องการให้เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ทั้งนี้ 2 เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เพียงแค่คิงส์เกตเท่านั้นที่ต้องการ แต่นักลงทุนต่างชาติล้วนต้องการเหมือนกัน เรียกว่าถ้าจะมาเป็น รมว. ก็ต้องเก่งจริงแบบรอบด้าน
สำหรับ รมว.อุตสาหกรรมนั้นเสียงร่ำลือเวลานี้ผู้ที่จะมาเข้านั่งรับตำแหน่งก็คือ “หม่อมปืน” ม.ล.ชโยทิต กฤดากร จากรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อได้ฟังความเห็นจากเอกชนมากๆแล้วจะรู้สึกเช่นไร ใจฝ่อไปบ้างหรือไปท หรือแรงใจเกินร้อย ยังไงถ้าได้มาจริงก็สู้ๆนะข้อรับเจ้านาย
ส่วนกระทรวงพลังงานนั้น โผล่าสุดก็คือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้เป็นเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ถึงเวลานั้นก็อย่าลืมเดินหน้าตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้ได้นะขอรับเจ้านาย ทั้งลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ประชาชนเค้ารออยู่ขอรับ
เรื่องที่ 2,749 ช่วงนี้ กระแสข่าวลือโยกย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง หนาหูมากขึ้น หลังจากกระแสข่าว “ปลัดพี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดกระทรวงการคลังไม่ขอเกษียณ แต่ลงเล่นการเมืองทำหน้าที่ รมช.คลัง!! ขอเป็นมือขาวให้ “นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” ส่งผลตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังว่างแน่นอนแล้ว 1 ตำแหน่ง แถมยังส่งผลกระทบต่อ 3 อธิบดีกรมภาษี ประกอบด้วยกรมสรรพากร กรมสรรพาสามิตและกรมศุลกากร อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดีไม่ดี!! รอบนี้อาจถึงย้ายใหญ่ หมุนเวียนเปลี่ยนหน้าตาอยู่หลายคน ข้าราชการระดับตั้งปลัดคลัง จนถึงผู้ตรวจนับรวมแล้ว ลาจากชีวิตราชการ เกษียณพร้อมกันถึง 7 คน 1. ปลัดคลัง 2.ผอ.สคร (พี่หนุ่ย) 3.ภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข 4.บุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ 5.วิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย 6.นางชลิดา พันธ์กระวี และ7.เอด วิบูลย์เจริญ
ส่วนคนที่เหลืออยู่ มีใครบ้าง อธิบดี 3 กรม “บัด-เอก-หม่อง” หนึ่งใน 3 คนนี้ เป็นปลัดกระทรวงการคลังแน่นอน อย่างที่ทำนายทายทักไปแล้วคือ “ว่าที่ปลัดบัด ลวรณ แสงสนิท” แต่ที่กระทบชิ่งซ้าย-ขวา จะย้าย “เอก-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” และย้าย “ “พชร อนันตศิลป์” หรือไม่นั้น อย่ากระพริบตา!!
แต่ที่ต้องบอกให้รู้อีกประเด็น “ปลัดพี่ตู่” มีมือซ้ายและมือขาว เรียกเล่นว่า “ตู่ บัด อุ๋ย” ไม่ใช่ “โป๊ะ” ถ้า “ลวรณ” ขึ้นเป็นปลัด “อธิบดีอุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิท” อธิบดีกรมบัญชีกลาง จะอยู่ที่เดิมหรือ !!
ขณะที่ “แพต-แพตริเซีย มงคลวนิช” ผอ.สบน.อยู่มาจนครบ 4 ปี จะให้อยู่ต่อ เป็นปีที่ 5 ในใจของเสนอดูแล้วขาดคุณธรรมไปหน่อย สุดท้ายต้องย้ายแต่ไป ณ ที่ใด หนใด ขออนุญาตถาม 2 รองปลัดที่เหลือด้วย “ธีรัชย์ อัตนวานิช” และ “วรนุช ภู่อิ่ม”
อ่านเล่นก่อนนอน!! นะจ๊ะ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,750 รัฐบาลจีนแถลงประณามกรณีที่รัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในวันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค.
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เผยแพร่แถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเมื่อวันพฤหัสบดีใจความว่า “ญี่ปุ่นเพิกเฉยต่อกระแสวิจารณ์และการคัดค้านจากประชาคมโลกด้วยการเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทร”
“จีนขอคัดค้านและประณามการกระทำดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยเราได้ยื่นหนังสือคัดค้านต่อญี่ปุ่นแล้วและขอให้หยุดการกระทำที่ผิดนี้”
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า เหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะพังเสียหายเมื่อ 12 ปีก่อนถือเป็นหายนะภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรในปริมาณมาก และหากญี่ปุ่นเลือกปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์ลงสู่มหาสมุทรเพียงเพื่อผลประโยชน์ที่เห็นแก่ตัวของตนเองก็อาจทำให้เกิดภัยพิบัติต่อคนท้องถิ่นและโลกทั้งใบอีกครั้ง
เรื่องที่ 2,751 ไชน่า เนชันแนล ซอลต์ อินดัสทรี (China National Salt Industry) หรือ ไชน่า ซอลต์ บริษัทวิสาหกิจของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกลือรายใหญ่ที่สุดในโลก ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอย่าแห่ซื้อเกลืออย่างตื่นตระหนก หลังจากที่ญี่ปุ่นเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้ว จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ที่พังเสียหายจากสึนามิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิกฟิก แม้จีนจะคัดค้านอย่างหนักก็ตาม
จีนได้คัดค้านแผนการของญี่ปุ่น โดยกล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้พิสูจน์ว่าน้ำที่ปล่อยออกมาจะมีความปลอดภัย และได้สั่งระงับการนำเข้าอาหารทะเลทั้งหมดจากญี่ปุ่น
ไชน่า ซอลต์ ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนดังกล่าวว่า บริษัทกำลังเพิ่มอุปทานเกลือในตลาดเนื่องจากประชาชนในบางพื้นที่ของประเทศเร่งกักตุนเกลือ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชั้นวางสินค้าเกลือในซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งของจีนถูกแห่ซื้อจนหมด และเกลือที่ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ก็ขายหมดเกลี้ยงในบางพื้นที่ รวมถึงกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้
เรื่องที่ 2,752 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กลุ่มประมงขนาดย่อยในฟิลิปปินส์วิพากษ์วิจารณ์ญี่ปุ่นกรณีการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมให้คำมั่นว่าจะจัดการชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงมะนิลา เพื่อทำให้การประท้วงต่อต้านการกระทำของญี่ปุ่นของพวกเขาจริงจังยิ่งขึ้น
นายรอนเนล อรัมบูโล รองประธานกลุ่มพามาลาคายา (PAMALAKAYA) สหพันธ์องค์กรชุมชนประมง กล่าวว่า การกระทำของญี่ปุ่นสร้างมลพิษในมหาสมุทร เป็นอันตรายต่อทรัพยากรทางทะเล และทำลายระบบนิเวศ พร้อมกล่าวเสริมว่าญี่ปุ่นเพิกเฉยเสียงคัดค้านที่เพิ่มขึ้นของประชาชนจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเรื่อยมา โดยเฉพาะเกษตรกรและชาวประมง ซึ่งต้องการให้ญี่ปุ่นไม่ทิ้งกากกัมมันตรังสีที่เป็นพิษสู่มหาสมุทรขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
เรื่องที่ 2,753 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองกำลังทหารของออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ ได้จัดการซ้อมรบร่วมกันเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ใกล้พื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ ณ ฐานทัพเรือที่อยู่ห่างจากบริเวณหมู่เกาะปะการังสการ์โบโรห์ไปทางตะวันออกประมาณ 240 กม.
รายงานระบุว่า การฝึกซ้อมทางอากาศ, ทางทะเล และทางบกครั้งนี้ ถือเป็นการซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่และครั้งแรกระหว่างทั้ง 2 ประเทศ โดยได้ซ้อมจำลองสถานการณ์การยึดคืนเกาะที่ศัตรูควบคุมไว้ โดยทหารออสเตรเลียประมาณ 1,200 นาย และนาวิกโยธินฟิลิปปินส์ 560 นาย เข้าบุกยึดชายหาดแห่งหนึ่งในระหว่างการฝึกซ้อม โดยใช้ยานโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก ร่มชูชีพ และเครื่องบินออสเปรย์ของสหรัฐ
เรื่องที่ 2,754 สำนักงานสถิติและการสำรวจสำมะโนประชากร (DSEC) เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเขตปกครองพิเศษมาเก๊าขยายตัว 117.5% ใน Q2/2566 เมื่อเทียบรายปี ซึ่งนับเป็นการเติบโตรายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ Q2/2564
ข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจของมาเก๊าฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องใน Q2/2566 โดยได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและกาสิโนที่สดใส
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 GDP ของมาเก๊าขยายตัว 71.5% เมื่อเทียบรายปี และผลผลิตทางเศรษฐกิจโดยรวมของมาเก๊าฟื้นตัวแตะ 71.0% ของระดับในช่วงครึ่งแรกของปี 2562
เรื่องที่ 2,755 นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เขาคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกแล้ว แต่ขณะนี้ก็ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่า เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยลงได้เมื่อไร
นายฮาร์เกอร์ กล่าว เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) ว่า “พวกเราน่าจะทำมามากพอแล้ว” โดยน่าจะเป็นการดีหากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมจนถึงสิ้นปี และเฝ้าดูว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร
นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์กล่าวเสริมว่า “ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่เข้มงวดมากแล้ว เรายังจำเป็นต้องทำให้เข้มงวดกว่านี้อีกหรือ” โดยเฟดควรปล่อยให้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสำแดงผลก่อน ซึ่งน่าจะเข้ามาสกัดเงินเฟ้อเป็นผลสำเร็จ และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเมื่อใด เพราะต้องรอให้สถานการณ์เงินเฟ้อผ่อนคลายกว่านี้ก่อน
เรื่องที่ 2,756 สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี เปิดเผยในวันนี้ (25 ส.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 2/2566 หดตัวลง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี และทรงตัวเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส โดยเศรษฐกิจเยอรมนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของภาคการผลิต
ตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2566 ที่มีการเปิดเผยในวันนี้เป็นการประมาณการครั้งสุดท้าย และสอดคล้องกับการประมาณการเบื้องต้นซึ่งมีการเปิดเผยในช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนในไตรมาส 4 ปี 2565 ตัวเลข GDP ของเยอรมนีหดตัวลง 0.4% และหลังจากนั้นได้หดตัวลงอีก 0.1% ในไตรมาส 1/2566
โดยนพวัชร์