รัฐเผยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่ใช้สิทธิหมดเกลี้ยง
รัฐเผยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่ใช้สิทธิหมดเกลี้ยง
ประชาชนพอใจบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขอเพิ่มวงเงิน-ทำโครงการต่อเนื่อง ค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ใช้เกือบเต็มวงเงิน 99.92% ขณะที่ค่าโดยสาร รถไฟ ใช้สิทธิเพียง 52.26%
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี 2565 และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการ จากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี 2565 สรุปผลดำเนินงานได้ ดังนี้
ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
วงเงิน 200 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.21% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.92%
วงเงิน 300 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.68% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.91%
ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม
วงเงิน 45 บาท/คน/3 เดือน อัตราใช้สิทธิ 24.48% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.75%
ค่ารถโดยสารสาธารณะ
รถไฟ วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 0.37% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 52.26%
บขส. วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 0.10% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 85.83%
ขนส่งในเขต กทม. และปริมณฑล วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 10.05% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 33.02%
ค่าสาธารณูปโภค
ค่าไฟฟ้า วงเงิน 315บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 7.98%
ค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 2.24%
“ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้สิทธิค่าซื้อสินค้าอุปโภคสูงสุด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วงเงินเกือบเต็มจำนวนในคราวเดียว รองลงมา คือ ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม ขณะที่สวัสดิการค่าโดยสารรถสาธารณะมีจำนวนผู้ใช้น้อย เนื่องจากข้อจำกัดประเภทรถโดยสารที่ใช้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวนน้อย รวมทั้งยังมีการกำหนดวงเงินแยกรายประเภทรถโดยสาร” น.ส.รัชดา ระบุ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานความคุ้มค่าของการจัดประชารัฐสวัสดิการว่าผลประโยชน์ทางตรง ที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.26 ล้านคน โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อยู่ในเขต กทม. ได้รับผลประโยชน์อยู่ที่ 2,330-2,430 บาท/คน/เดือน ขณะที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ได้รับผลประโยชน์อยู่ที่ 1,830-1,930 บาท/คน/เดือน รวมมูลค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ จำนวน 46,930.81 ล้านบาท
ผลประโยชน์ทางอ้อม มีการใช้จ่ายเงินกองทุนประชารัฐฯ ที่เป็นวงเงินเพื่อซื้อสินค้าบริโภค อุปโภคที่จำเป็น 43,303.15 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคของภาคเอกชน 75,347.48 ล้านบาท และความคุ้มค่าของการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าต้นทุนอยู่ 26,303.24 ล้านบาท ทั้งจากการช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีรายได้น้อย รวมถึงก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนและเข้าสู่ เศรษฐกิจฐานรากโดยตรง
น.ส.รัชดา ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความพึงพอใจ ในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี 2565 ว่า จากกลุ่มตัวอย่างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศ 11,105 ราย ระหว่างวันที่ 1 ก.ย.-30 ต.ค. 2565 พบว่า กลุ่มที่มีความพึงพอใจในสวัสดิการมากที่สุด คือ กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ว่างงาน ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากเห็นว่าสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้
ส่วนรูปแบบสวัสดิการที่มีความพึงพอใจมากที่สุดคือ ค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่อยากให้เพิ่มวงเงินสวัสดิการ โดยเฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า รวมถึงต้องการได้รับสวัสดิการเป็นเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายได้ ขณะเดียวกันต้องการให้มีการดำเนินการโครงการอย่างต่อเนื่อง