ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 21-22 ก.ค. 2566
ทันทีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศรับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล
เรื่องที่ 2,562 ทันทีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศรับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขั้ว 188 ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ประกาศทันทีว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หากมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย
นั่นเพราะพรรคการเมืองเหล่านี้ รู้ดีว่า พรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ต่อเมื่อสามารถดึงพรรคการเมืองในขั้ว 188 เข้าร่วมด้วย และก็มีความพยายามในการดึงขั้ว 188 ร่วมรัฐบาลอยู่ในเวลานี้
เหตุนี้ โจทย์ของพรรคเพื่อไทยในเวลานี้ก็คือ จะจัดการกับพรรคก้าวไกลอย่างไร จึงจะไม่เป็นการผลักมิตร และยังรักษาน้ำใจเพื่อนให้คงอยู่
และน่าจะเป็นทางออกที่ดีหากพรรคก้าวไกล ยอมประกาศเองว่า ขอถอยไปเป็นฝ่ายค้าน ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น เวลานี้พรรคเพื่อไทย ทำได้เพียงรอให้พรรคก้าวไกลถอยอีกก้าว คือไปเป็นฝ่ายค้านเมื่อนั้น เราจะได้เป็นขั้วรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจจะประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ฯลฯ
เรื่องที่ 2,563 วันนี้ บก.ชวนคุยมีความจำเป็นต้องหักพวงมาลัยเข้าปั๊มน้ำมัน เพื่อเติมพลังให้กับยานพาหนะของตัวเองซึ่งยังใช้เทคโนโลยีแบบสีนดาปในการเผาไหม้อยู่ เติมไปใจก็ตุ้มๆต่อมๆไประหว่างที่ตัวเลขปริมาณน้ำมัน และราคากำลังวิ่งฉิวไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสร็จสรรพจ่ายเงินตัวเบาออกมาจากปั๊มกันเลยทีเดียว
เติมเสร็จถึงกับต้องหาที่จอดรถเพื่อไล่เช็คขอ้มูลราคาน้ำมันดูให้เห็นภาพหน่อยว่าเหตุใดถึงต้องควักเงินจ่ายไปมากขนาดนั้น โอ้วโหปรากฎว่าไล่ไปไล่มา เพียงแค่ครึ่งเดือนนิดๆของเดือนกรกฏาคม ทำใจดูไปได้แค่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ค. ราคาน้ำมันในประเทสไทยของเรามีการขยับขึ้นลงแล้วทั้งหมดถึง 10 ครั้ง โดยเป้นการปรับขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง และลงทั้งหมด 3 ครั้ง
เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วคิดค่าวๆคือน้ำมันในประเทศเราไม่ขยับราคาแค่เพียง 8 วันเท่านั้น นอกนั้นกราฟพุ่งขึ้นเป็นหลัก รวมแล้วขึ้นราคาไปทั้งหมด 1.80 บาทต่อลิตร ไม่รู้ว่าฉายภาพให้ได้เห็นกันแบบนี้แล้ว ผู้กำหนดนโยบายจะรู้สึกรู้สาอะไรถึงความเดือดร้อนของประชาชนบ้างหรือไม่นะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,564 วานก่อน “ผอ.เต๋-วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการออมสิน เผยผลการดำเนินงานปี 2566 ในรอบ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปรากฏว่า กำไรสุทธิทะลุทะลวงสูงถึง 17,344 ล้านบาท มีสินเชื่อรวม 2.35 ล้านล้านบาท เงินฝากรวม 2.68 ล้านล้านบาท และมีสินทรัพย์ 3.16 ล้านล้านบาท
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีเพียง 2.63% ต่ำสุดในบรรดาแบงก์รัฐด้วยกัน ขณะที่ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ Coverage Ratios 172.10% เงินสำรองรวม (Total Provision) แตะระดับ 106,595 ล้านบาท นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของธนาคาร
นอกจากนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อปี2562 ธนาคารออมสินตั้งสำรองไว้เพียง 4,000 ล้านบาท แต่ในปลายปีนี้ จะตั้งสำรองเพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาท กำไรอยู่ที่ 17,300 ล้านบาท และตลอดปีนี้ จะมากกว่าปี2565 ที่มีกำไร 27,124 ล้านบาท สุดยอดครับท่าน!!
ส่วน บสย.”กร-สิทธิกร ดิเรกสุนทร” เอ็มดีหนุ่ม ไฟแรง แถลงผลงานครึ่งปี มีกำไรอยู่แล้ว แต่โดดเด่นเท่าผลงาน อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 67,987 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 51,427 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 280,786 ล้านบาท สร้างสินเชื่อสู่ระบบ 76,049 ล้านบาท รักษาการจ้างงานรวม 493,552 ตำแหน่ง
ถือว่า ไม่ธรรดา
แบงก์รัฐอื่น ก็ควรรีบแถลงหน่อยนะ โดยเฉพาะ ธ.ก.ส.และเอ็มซิมแบงก์…เจ้านาย!!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,565 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ตำรวจอินเดียถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างหละหลวม หลังเกิดเหตุผู้หญิง 2 คน ถูกกลุ่มผู้ชายจับแห่ไปตามเมืองในรัฐมณีปุระ ในสภาพเปลือยกาย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 พ.ค. แต่คลิปวิดีโอถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (19 ก.ค.) และสร้างความโกรธแค้นไปทั่วโลก
เมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหารุมข่มขืน และจับกุมชาย 4 คน พร้อมยืนยันว่าจะติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุเพิ่มอีกในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายต่างแสดงความไม่พอใจ พร้อมตั้งคำถามถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมีการแจ้งความร้องทุกข์ในเวลาเพียงไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ และสามารถระบุตัวตนบุคคลจากในคลิปวิดีโอได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ หญิงผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 2 รายยังได้กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ไม่ได้ให้การช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยกล่าวว่าฝูงชนมีจำนวนมากเกินที่จะควบคุมได้
เรื่องที่ 2,566 สำนักข่าวบีบีซีรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อินเดียว่า มีประชาชนเสียชีวิต 16 รายและติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีก 109 ราย หลังเกิดเหตุดินถล่มครั้งใหญ่จนอาคารบ้านเรือนพังเสียหายจำนวนหนึ่งที่หมู่บ้านอิรชาลวดี (Irshalwadi) ของเขตรายครห์ (Raigad) ในรัฐมหาราษฏระทางภาคตะวันตกของประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะนี้เจ้าหน้าที่เริ่มออกปฏิบัติการกู้ภัยอีกครั้ง หลังต้องระงับการปฏิบัติภารกิจในช่วงคืนวันที่ 20 ก.ค. เนื่องจากเกิดฝนตกหนัก
รายงานระบุว่า หลายรัฐในอินเดียเผชิญฝนตกหนักตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม โดยกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียระบุว่า ฝนจะยังคงตกหนักต่อไปตลอดช่วงหลายวันข้างหน้าในรัฐมหาราษฏระ
เรื่องที่ 2,567 กระทรวงการคลังสหรัฐและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า สหรัฐได้ออกมาตรการคว่ำบาตรบริษัทอูราล ไมน์นิ่ง แอนด์ เมทัลเลอร์จิคอล คอมปะนี (UMMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อลดรายได้ของรัสเซียจากภาคโลหะและเหมืองแร่ โดยสหรัฐกำหนดเส้นตายในการยุติการทำธุรกรรมกับ UMMC ในวันที่ 18 ต.ค. 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐและกลุ่มพันธมิตรตะวันตกได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อทั้งบริษัทและบุคคลสัญชาติรัสเซียหลายร้อยราย นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2565 และเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ก็ได้คว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลเพิ่มอีกเกือบ 120 ราย
รายงานระบุว่า UMMC ไม่ได้เปิดเผยผลผลิตทองแดงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนในปี 2563 UMMC ผลิตทองแดงคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของผลผลิตทั้งหมดในรัสเซีย ซึ่งใกล้เคียงกับบริษัทนอร์นิเคิล (Nornickel) ซึ่งยังไม่ถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร
เรื่องที่ 2,568 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของอังกฤษปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดการณ์ โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยสภาพอากาศและยอดขายอาหารที่ฟื้นตัว หลังจากที่ยอดค้าปลีกปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดราชการหลายวันและทำให้การใช้จ่ายตามปกติหยุดชะงักลง
รายงานของ ONS ระบุว่ายอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ลดลง 1.0% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะลดลง 1.5%
นายแกรนท์ ฟิตซ์เนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ONS กล่าวว่า “ยอดค้าปลีกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยยอดขายอาหารดีดตัวขึ้น ซึ่งได้อานิสงส์จากช่วงวันหยุดพิเศษของธนาคาร และได้แรงหนุนจากสภาพอากาศที่ดีด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนห้างสรรพสินค้าและร้านเฟอร์นิเจอร์ก็ทำยอดขายได้ดีในเดือนมิ.ย.เช่นกัน”
ที่ผ่านมานั้น ผู้บริโภคชาวอังกฤษเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ระดับ 11.1% ในปีที่แล้ว และแตะที่ระดับ 7.9% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
โดยนพวัชร์