สคบ. เปิดปฏิบัติการ “ควันจาง กลางกรุงเก่า”
นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ.
สั่งการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษฯ สนธิกำลังร่วมกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดปฏิบัติการ “ควันจางกลางกรุงเก่า” กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าลักลอบขายกลางเมืองพระนครศรีอยุธยา หลังจากที่มีประชาชนหลายรายร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด พบเห็นเด็กและเยาวชนได้เข้าไปซื้อมาสูบเป็นจำนวนมาก บางร้านตั้งอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียนอนุบาล รวมถึงสถานศึกษาต่าง ๆ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เลขาธิการ สคบ. มอบหมายให้นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดี ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นายฤทธิรอน ทวีทรัพย์ นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่ สคบ. จำนวน 11 ราย สนธิกำลังร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดยนางสยุมพร กุลสุ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายทวีศักดิ์ ตั้งตรงไพโรจน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ และเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดและเจ้าหน้าที่ สคบ. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยว่าที่ร้อยเอก ทวีพงศ์ รินนาศักดิ์ และนายวรากร ศิรธารา ปลัดอำเภอพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียน เมื่อไปถึงพบร้านที่1 ตั้งอยู่ริมถนนป่ามะพร้าว (สาย 1) พบร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ติดป้ายหน้าร้านชื่อ DUBAI BOY VAPE เจ้าหน้าที่ สคบ. จึงได้แสดงตัวพร้อมยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ สคบ. ได้เข้าตรวจสอบร้านที่ 1 ติดป้ายหน้าร้านชื่อ HULK รินถนนหลังท่ารถเก่า ภายในร้านพบมีบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่
ไฟฟ้า หลายยี่ห้อวางขายอยู่ภายในตู้โชว์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมด และถัดไปร้านที่ 3 ซึ่งห่างกันไม่มาก กำลังเปิดขายบุหรี่ไฟฟ้า มีการใช้ชื่อร้านว่า BEST VAPE เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมยึดของกลางทั้งหมด โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้น มีเยาวชนวนเวียนมาติดต่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าหลายราย และเมื่อตรวจค้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญผู้ขายทั้ง 3 ร้านพร้อมของกลาง ไปสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผลจากการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถดำเนินคดีผู้กระทำความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 29/9 วรรคสอง ประกอบมาตรา 56/4 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 256 เครื่อง บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง จำนวน 3,042 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,743 ขวด หัวสูบพร้อมน้ำยา จำนวน 2,806 ชิ้น และอุปกรณ์ทั้งหมด รวมจำนวนทั้งสิ้น 8,588 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางประมาณ 2 ล้านบาททั้งนี้ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า “ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สคบ. ได้รับการประสานจากศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดพื้นที่ ซึ่งมีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากถึงการพบเห็นร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้าหลายชนิดมีการออกแบบผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามาหลากหลายรูปแบบมีลักษณะคล้ายของเล่นและขนม เพื่อดึงดูดเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ยังพบพอตกัญชานำมาลักลอบขายด้วยและการลักลอบขายใกล้สถานศึกษาถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนในระยะยาว ซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกัน รวมทั้งการให้ความรู้ถึงพิษภัยของสินค้าอันตรายเหล่านี้ และบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในท้องที่ให้ความสำคัญกับการกวดขันกวาดล้างร้านลักลอบขายซึ่งสินค้าเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้านที่เปิดอยู่ใกล้เคียงสถานศึกษาและสถานที่ราชการของผู้บังคับใช้กฎหมาย”