EV จีนบุกไทยเต็มสูบ
“ทิพานัน” เผยไทยกำลังเป็นฮับEV หลัง2ค่ายรถEVสัญชาติจีน เริ่มก่อสร้างโรงงานแล้ว ยัน 8 ปี “พล.อ.ประยุทธ์” ผลงานเด่น ยกโมเดลฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียผลงานชิ้นโบว์แดง โชว์ “เศรษฐา” ชี้เปิดโอกาสทอง 9 ด้านมากกว่าแค่การค้าทั่วไป
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นับแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ได้ผลักดันให้การส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุมการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าทุกประเภท รวมทั้งจักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพ และสามารถพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีในอนาคตได้ ตามมติคณะกรรมการบีโอไอเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Roadmap 30@30) ที่มีเป้าหมายในปี 2573 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
นางสาวทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุด บีโอไอรายงานว่าผู้ผลิตรถEVจากจีนสองค่าย ได้แก่ เนต้า(NETA) และบีวายดี(BYD) ได้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโรงงานผลิตรถEVในประเทศไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จ 1-2 ปีข้างหน้าโรงงานจะแล้วเสร็จ และยังมีค่ายรถจากจีนและยุโรปยื่นขอรับการสนับสนุนอีกหลายค่าย โดยรัฐบาลกำลังเร่งผลักดันมาตรการสนับสนุนรถอีวีเพิ่มเติม หรือมาตรการEV 3.5 ต่อเนื่องจากมาตรการEV 3 ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวสู่ความเป็นฮับอีวีได้ไม่ยาก
ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของพี่น้องประชาชน นอกจากกระตุ้นธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เกิดการจ้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้ว เมื่อมีการผลิตที่มากขึ้นในไทย จะทำให้ราคาถูกลง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและลดมลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5ได้ในระยะยาว
“นโยบายนี้เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ประชาชนสนใจให้การตอบรับที่ดี ประกอบกับตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ พลิกฟื้นเศรษฐกิจ มุ่งพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง BCG โมเดล และบุกเบิกอุตสาหกรรมใหม่ที่ก้าวทันเทคโนโลยี ที่สำคัญคือการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต 30 ปี กับซาอุดีอาระเบียที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของพล.อ.ประยุทธ์ นำไปสู่ความสัมพันธ์ในหลายมิติทั้งการค้าทั่วไป มีทั้งการลงทุนและแรงงาน ส่วนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุผู้นำต้องเจรจาค้าขายกับต่างประเทศด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำอยู่แล้ว ทำอยู่และทำต่อไป โดยเฉพาะกับซาอุดีอาระเบียนั้นไม่เพียงได้ในมิติการค้าระหว่างสองประเทศ แต่ยังเปิดโอกาสทอง 9 ด้าน ทั้งการท่องเที่ยว พลังงาน แรงงาน อาหาร สุขภาพ ด้านความมั่นคง การศึกษาศาสนา การค้าการลงทุน และกีฬา ที่พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินการอยู่ตลอด”น.ส.ทิพานัน กล่าว