ทรัมป์ชี้ญี่ปุ่นได้เปรียบการค้าสหรัฐฯมานาน
ในวันแรกที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เยือนญี่ปุ่น เขาให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงโตเกียวถึง “ ความได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรม” ทางการค้าที่ญี่ปุ่นมีกับสหรัฐฯ และขอให้มีการลงทุนธุรกิจเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ
“ ญี่ปุ่นมีความได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรมมานานหลายปี แต่ก็โอเค อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณชอบเรามาก ” ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุในระหว่างการประชุมกับผู้นำธุรกิจญี่ปุ่นในกรุงโตเกียว
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ใกล้จะทำข้อตกลงที่จะแก้ไขเรื่องการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยในปี 2561 สหรัฐฯขาดดุลการค้ามูลค่า 56,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯด้านสินค้าและบริการกับญี่ปุ่น จากข้อมูลของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ
“ ด้วยข้อตกลงนี้ เราหวังว่าจะเป็นการปรับสมดุลทางการค้า ยกเลิกการกีดกันสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ของเราจะมีความยุติธรรมและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว
การไปเยือนญี่ปุ่นของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงเวลาของความตึงเครียดกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โตโยต้าเกี่ยวกับภาษีรถยนต์ โดยที่ผ่านมา ทรัมป์มักขู่เรื่องการขึ้นภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์ทั้งญี่ปุ่นและยุโรปซ้ำๆหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ค. ประธานาธิบดีทรัมป์เลื่อนการตัดสินใจเรื่องภาษีรถยนต์ไปอีก 6 เดือน และสั่งการให้โรเบิร์ต ไลไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯพยายามทำข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป
แต่ในการตัดสินใจของเขาที่เลื่อนการขึ้นภาษี ประธานาธิบดีพูดชัดเจนว่าเขามองว่าการนำเข้ารถยนต์เป็นภัยคุกคามกับความมั่นคงของสหรัฐฯ ทำให้เกิดแถลงการณ์ที่รุนแรงจากโตโยต้า
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นระบุว่า มุมมองของทรัมป์เรื่องการนำเข้ารถยนต์ “ เป็นการส่งข้อความถึงโตโยต้าว่าสหรัฐฯไม่ต้อนรับการลงทุนของเรา และผลงานจากพนักงานของเราทุกคนทั่วอเมริกาไม่มีคุณค่า”
โดยประธานบริษัทโตโยต้ามาร่วมประชุมกับบรรดาผู้นำธุรกิจเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ในกรุงโตเกียว ในระหว่างการประชุม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดถึงการลงทุนของโตโยต้าในสหรัฐฯ และเรียกร้องให้นักธุรกิจญี่ปุ่นมีการลงทุนในสหรัฐฯมากขึ้น
“ หากคุณเข้าร่วมในการคว้าโอกาสตอนนี้ ก่อนจะมีเงื่อนไขในการลงทุนในสหรัฐฯ ผมคิดว่าพวกคุณจะได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างมหาศาลจากการลงทุน ” เขากล่าว
โทชิมิตสึ โมเทกิ รมว.กระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่นระบุว่า เขาไม่คาดหวังว่าจะมีข้อตกลงการค้าเมื่อผู้นำสหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะมีการประชุมซัมมิตในวันที่ 27 พ.ค. จากการรายงานของสื่อรอยเตอร์
โดยรมว.โมเทกิได้พบกับโรเบิร์ต ไลไธเซอร์และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐฯและญี่ปุ่นยังต้องปรับลดความแตกต่างทางการค้า เขาระบุว่ายังไม่ได้คุยกันเรื่องการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ว่าการนำเข้ารถยนต์เป็นภัยความมั่นคงของชาติ.