ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 20-21 ก.พ.2566
“วีรบุรุษนาแก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาบอกว่า พร้อมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล หากพรรคเพื่อไทย เอาด้วย
เรื่องที่ 1,825 ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า แล้วไหนบอกว่า ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่ต้นน้ำของการรัฐประหาร เพราะเมื่อครั้งเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2557 พล.อ.ประวิตร ถือว่าเกษียณอายุราชการไปนานหลายปีแล้ว
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างหากที่เป็นต้นน้ำของการรัฐประหาร พล.อ.ประวิตร จึงไม่เกี่ยว จึงจะสามารถทำงานร่วมกันได้
สัญญาณดังกล่าว ทำให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูง โดยสามารถรวมกับพรรคการเมืองขั้วเดิมในตอนนี้ และเปลี่ยนขั้วไปจับมือกับทางฝ่ายค้านในปัจจุบันได้ด้วย
เพราะสำหรับพรรคเพื่อไทย แม้ไม่ได้บอกว่าจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าในอนาคตหลังการเลือกตั้ง จะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล
และสำคัญต้องอย่าลืมวลีที่ว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้
เรื่องที่ 1,826 นานแล้วที่ไม่ได้เห็นข่าวดีๆจากฟากฝั่งของกระทรวงอุตสาหกรรม มาวันนี้ (20 ก.พ.66) มีข่าวออกมาให้ชื่นใจกันเสียที กับการขับเคลื่อนนโยบายทางด้านยานยต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ของประเทศไทย ซึ่งล่าสุด ดร.ปั้น “ณัฐพล รังสิตพล” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ได้มีการพิจารณามาตรการขับเคลื่อนการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งเป็นรถยนต์กลุ่มใหญ่ของประเทศ ให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้
อีกทั้งยังมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion) ภายใต้บอร์ด EV ซึ่งประกอบไปด้วย 29 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นหน่วยงานระดับบิ๊กแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะะเป็น กระทรวงอุตสาหกรรม ,กระทรวงการคลัง ,สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ,กรมสรรพสามิต ,กรมศุลกากร และกรมสรรพากร เป็นต้น เรียกว่านโยบายที่ออกมาน่าจะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้งานรถอีวี และกระแสของโลกในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก แต่ก็ขอให้ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีไม่มีสกัดขา แย่งผลงานกันเองแล้วกันนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 1,827 ต้องกล่าวถึง “อธิบดีเอก-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพสามิต เจอกันล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมาในงาน “สรรพสามิต ครบรอบ 91 ปี พร้อมเปิดอาคารอเนกประสงค์ อนุรักษ์พลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ตัวอวบอ้วนอั๋น ยังไม่ทันทัก ไทรอยด์ผมเป็นพิษ ซึ่งอาการโรคนี้มีแบบอ้วนและผอม ผมโดนเต็มๆเป็นแบบอ้วน ไม่ได้กินจุนะ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ คิดว่าใช้เวลาไม่นาน พอรู้ต้นเหตุของโรคแล้ว ช่วงนี้ขอเงียบหน่อย หลังผลจัดเก็บรายได้ 4 (ต.ค.65-ม.ค.66) เดือนแรก ออกมากรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้ 160,415 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 26,877 ล้านบาท ถือว่าดีกว่าที่คาด เพราะก่อนหน้านี้ กรมสรรพสามิตลดภาษีน้ำมัน 5 บาทต่อลิตร รวม 5 เดือน สูญรายได้ 50,000 ล้านบาท ผลที่ออกมาควรเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 50,000 ล้านบาท แต่รอบนี้เก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 26,877 ล้านบาท เท่ากับว่าเราเก็บรายได้สูงกว่าภาษีน้ำมันที่หายไปเกือบ 24,000 ล้านบาท เหตุผลหลักมาจากช่วงปีใหม่และตรุษจีนคนบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากขึ้น ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้รายได้ของกรมสรรพสามิตไม่ห่างจากเป้าหมายมากนัก
อีกเรื่อง ช่วงนี้เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ออกตรวจจริงก็มี ออกตรวจเพื่อไปไถ่เงินใต้โต๊ะก็มี จึงขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า เจ้าหน้าที่สรรพมามิตไม่มีนอกเครื่องแบบ จับปรับต้องแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาตรการคุมเข้มยังเหมือนเดิม แต่พวกผ่าเหล่าผ่ากอ ผมสั่งเด็ดขาด ใครไถ่เงินประชาชนโดยอาศัยเครื่องแบบบังหน้าไม่เอาไว้อย่างเด็ดขาด
โดยนพวัชร์