งานและเงินมหาศาลหายไปจากอังกฤษ
ธนาคารและบริษัทการเงินหลายแห่งกำลังย้ายทรัพย์สินและงานออกจากสหราชอาณาจักร เนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้ออกจากเบร็กซิท
บรรดาบริษัทให้บริการทางการเงินประกาศแผนย้ายเงินลงทุนถึง 1 ล้านล้านปอนด์ หรือราว 42.6 ล้านล้านบาทไปที่สหภาพยุโรป อ้างอิงจากบริษัทที่ปรึกษา EY เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีการประเมินว่าจะสูงประมาณ 800,000 ล้านปอนด์
ธนาคารหลายแห่งย้ายไปตั้งสำนักงานใหม่ในเยอรมนี ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆในอียูเพื่อปกป้องความมั่นคงของธุรกิจในภูมิภาคหลังเบร็กซิท หมายความว่าพวกเขาต้องย้ายทรัพย์สินสำคัญไปด้วยเพื่อทำให้หน่วยงานที่กำกับดูแลของอียูพอใจ
บริษัทอื่นๆกำลังเคลื่อนย้ายทรัพย์สินเพื่อให้ความคุ้มครองลูกค้าของพวกเขาจากความผันผวนของตลาด และความเปลียนแปลงอย่างฉับพลันเรื่องกฎระเบียบที่อาจทำลายสหราชอาณาจักรและอียู ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้าที่ใหญที่สุด
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมบริการทางการเงินคิดเป็นประมาณ 12% ของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร และมีการจ้างงานถึง 2.2 ล้านคน
โดย EY ได้ติดตาม 222 บริษัทที่ให้บริการการเงินที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่การลงประชามติในเดือนมิ.ย.59 โดยระบุว่า “ มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ” ของจำนวนบริษัทที่ประกาศว่าจะย้ายพนักงาน การดำเนินการ และทรัพย์สินไปที่อียู เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับเบร็กซิท
จำนวนงานที่ย้ายออกจากสหราชอาณาจักรในอนาคตอันใกล้อยู่ที่ 7,000 อัตรา จากการประเมินของ EY ซึ่งประเมินว่าจะสร้างความเสียหายให้กับอังกฤษอย่างน้อย 600 ล้านปอนด์จากภาษีที่หายไป
Andrea Enria ผอ.ฝ่ายระเบียบการธนาคารของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ระบุกับสื่อเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ธนาคารคาดการณ์ว่าจะมีการย้ายทรัพย์สินประมาณ 1.2 ล้านล้านยูโร ( 43.84 ล้านล้านบาท) ออกจากอังกฤษไปยัง 19 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรในอียู
สหราชอาณาจักรมีเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดออกจากอียูแล้ว แต่นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ยังล้มเหลวไม่สามารถได้เสียงสนับสนุนจากสภาสหราชอาณาจักรสำหรับดีลที่เธอเจรจาไว้กับทางอียู
โดยตอนนี้นายกฯเมย์กำลังขอร้องให้ทางอียูเลื่อนกำหนดเบร็กซิทออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.และหากอียูไม่ตกลง โอกาสที่ประเทศจะออกจากอียูแบบโนดีลในวันที่ 29 มี.ค.นี้ก็มีมากขึ้น
ธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า สถานการณ์ที่ย่ำแย่นี้จะเลวร้ายกว่าช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกปี 51 สำหรับสถาบันการเงิน เบร็กซิทแบบปั่นป่วนอาจเป็นฝันร้าย และจะต้องมีมาตรการในการจำกัดความเสียหาย
“ เพราะกำหนดการใกล้เข้ามา เราจำเป็นต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงจากการออกจากการควบคุมของอียู” Omar Ali ประธานฝ่ายบริการการเงินของ EY ระบุ “ ไม่มีธุรกิจบริการการเงินใดสามารถทราบได้อย่างแน่นอนว่าเบร็กซิทจะกระทบพวกเขา ลูกค้า ประชาชน และซัพพลายเชนมากเพียงใด หรือ ที่กว้างกว่านั้น คือกระทบเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมากแค่ไหน” .