เอสเอ็มอีเวียดนามจะโกยรายได้ฉลุย
ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลางในเวียดนามต่างพอใจกับผลประโยชน์ที่จะได้รับจากข้อตกลงทางการค้ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (TPP) และข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนามสหภาพยุโรป (EVFTA)
นายฟาม ชี ลัน นักเศรษฐศาสตร์ ให้ความเห็นในงานแถลงข่าวของทีพีพี และอีวีเอ็ฟทีเอที่จัดขึ้นที่นครฮานอยเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่า ธุรกิจขนาดย่อมในเวียดนามจะได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี และเครือข่ายเชื่อมโยงในภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็จะมีการขยายตัวของเครือข่ายสินค้าที่มีมูลค่าไปทั่วโลกไปพร้อมกับเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันให้ได้สูงสุด
ทั้งนี้จะมีการยกเลิกการจัดเก็บภาษีในการส่งออก ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าลดลง และมีอุปทานที่หลากหลาย นอกจากนี้ผู้ประกอบการเวียดนามจะได้รับโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจทั้งใน และนอกประเทศ ซึ่งจะช่วยปกป้องนักลงทุน
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าของเวียดนามภายใต้การบริหารของกระทรวงอุตสาหกรรม และการค้า ทีพีพีจะส่งผลชัดเจนกับเศรษฐกิจ เช่น ตัวเลขจีดีพีของประเทศ ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 11% ขณะที่การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 28% ผลประกอบการภาคส่งออกในส่วนผลิตภัณฑ์สำคัญอย่างสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม รองเท้าหนัง และอาหารทะเลจะพุ่งทะยานขึ้นภายใน 10 ปีต่อจากนี้
หลังจากข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม-สหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้แล้ว จะมีการยกเลิกภาษี 99% ในการส่งออกจากเวียดนามไปยังทวีปยุโรปที่มีประชากรถึง 500 ล้านคนภายใน 7-10 ปีต่อจากนี้ คาดการณ์ว่าผลจากข้อตกลงนี้จะส่งให้รายได้จากการส่งออกของเวียดนามในแต่ละปีเพิ่มขึ้นถึง 4-6%
อย่างไรก็ตาม ทีพีพี และ อีวีเอ็ฟทีเอ ก็มีความท้าทายทางธุรกิจอยู่ เนื่องจากภาษีที่ถูกยกเลิกจะทำให้สินค้านำเข้าล้นทะลักเข้ามาในเวียดนามได้ในราคาที่ถูกลง
สำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนามรายงานว่า นี่จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในประเทศต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และในทางกลับกัน การส่งออกสินค้าก็จะต้องเจอกับข้อกำหนดที่เข้มงวดในการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O) การตอบโต้การทุ่มตลาด และเครื่องมือในการปกป้องการค้า
นายคลอดิโอ ดอร์ดิ ผู้นำทีมในการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคจากโครงการสนับสนุนการลงทุน และนโยบายการค้าของยุโรป ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเวียดนามต้องให้ความใส่ใจกับกฎในการขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ผู้ประกอบการต้องมีการปรับปรุงคุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้า ตามกฎของสุขอนามัยระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศในยุโรป
นายดอร์ดิ ได้เสนอว่า รัฐบาลควรเผยแพร่ข้อมูลที่ชัดเจนให้กับบริษัทผู้ประกอบการเกี่ยวกับกำหนดเวลาและรายละเอียดของ อีวีเอ็ฟทีเอ เหมือนกับข้อตกลงการค้าอื่นๆ
นอกจากนี้เวียดนามควรจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในระดับต่างประเทศ และภายในประเทศเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการ และสร้างชื่อแบรนด์สินค้าให้เป็นที่ยอมรับ
รายงานประจำปีของเศรษฐกิจเวียดนามปี 2559 ที่เผยแพร่โดยรายงานของบริษัทเวียดนาม แสดงให้เห็นว่า บริษัททั้งหลายในเวียดนามต่างมองในแง่ดีถึงผลกระทบจากทีพีพี
โดยการสำรวจเกิดจากการรวบรวมความคิดเห็นมากกว่า 1,000 บริษัทชั้นนำทั่วประเทศ มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโตที่ 6.7% และดัชนีผู้บริโภคต่ำกว่า 5% โดยเกือบครึ่งของบริษัทที่ตอบแบบสำรวจ ล้วนมองในแง่บวกกับธุรกิจของพวกเขาในไตรมาสแรกของปี 2559 นี้ และในอีก 5 ปีข้างหน้า