ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 28-29 พ.ย.2565
รู้จัก “นริศ ขำนุรักษ์” ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคประชาธิปัตย์ เสนอชื่อไปแล้ว รอเพียงนายกฯนำความขึ้นทูลเกล้าฯ
เรื่องที่ 1,595 เกิดเมื่อวันที่ 4 ต.ค.2503 ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนพัทลุง จังหวัดพัทลุง
ชั้นอนุปริญญา สาขาวิชาการป่าไม้ จากโรงเรียนการป่าไม้ จังหวัดแพร่
ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ระดับปริญญาโท สาขาพัฒนาสังคม จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
และระดับปริญญาเอก Doctor of Public Administration (DPA) จาก Southwestern University ประเทศฟิลิปปินส์
ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.พัทลุง ครั้งแรกในการเลือกตั้ง 2544 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้ง 2548 การเลือกตั้ง 2550 และการเลือกตั้ง 2554
นายนริศ ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กระทั่งในปี 2564 เขาเป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อต่อกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อชิงตำแหน่งรัฐมนตรีในโควต้าทดแทนนายถาวร เสนเนียม แต่เขาไม่ได้รับการเสนอแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนั้น
และต่อมาไม่นานนี้เอง เขาได้รับคัดเลือกจากพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งให้ถูกเสนอชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนิพนธ์ บุญญามณี ที่ลาออกไป
เรื่องที่ 1,596 ได้เห็นการขอความร่วมมือแกมบังคับของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือกพช. ไปยังหลากหลายองค์กร อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งทาง กพช. ขอให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่ ม.ค.–เม.ย.66) รวมๆแล้วก็ 6,000 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบของราคาก๊าซธรรมชาติต่อค่าไฟฟ้า เพื่อความพยายามในการตรึงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร หรืเอฟที (FT) ในการทำให้ค่าไฟในงวดแรกของปี 66 อยู่ที่ระดับ 4.72 บาทต่อหน่วย
จากประเด็นดังกล่าว บก.ชวนคุยได้มีโอกาสพบปะกับ “พี่เล็ก วัฒนพงษ์ คุโรวาท” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. ซึ่งเป็นหนึ่งท่านที่อยู่ในวงประชุมของ กพช. ด้วยวันนั้น ถึงความเป็นไปได้ที่จะตรึงค่าไฟเอาไว้ให้อยู่ที่ระดับเดิม ผ่านการขอความร่วมมือข้างต้น ท่าน ผอ.สนพ.ตอบเสียงดังฟังชัดว่าจะให้เท่าเดิมคงเป็นไปได้ยาก แต่จะมีความพยายามให้ปรับขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะต้องไปทำสมมติฐานใหม่ จากเดิมที่เคยทำออกมา 3 แนวทาง ซึ่งแต่ละแนวทางค่าไฟงวดแรกปีหน้าสูงกว่า 5 บาท ไปจนถึงสูงสุดเกิน 6 บาทต่อหน่วยเลยทีเดียว
หากเป็นไปตามสมมติฐานเดิม บอกเลยว่าพี่น้องชาวไทยเหนื่อยแน่นอนกับภาระค่าครองชีพที่ถาโถเพิ่มสูงขึ้นแทบทุกอย่างรอบตัว เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาลุ้นกันต่อละครับว่าเมื่อได้ความร่วมมมือจากหลายองค์กรไปแล้ว ค่าไฟจะเป็นอย่างไร จะตรึงได้ไหม หรือกรณีขึ้นน้อยที่สุดคือเป็นเท่าไหร่ คำเดียวที่บอกได้ตอนนี้ก็คือ “สู้ๆครับพี่น้อง”
เรื่องที่ 1,597 ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด วันที่ 30 พ.ย.นี้ กนง.จะตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเท่าไหร่ แต่ล่าสุด สำนัก วิจัยของธนาคารกสิกรไทย คาดว่า ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ขึ้นไปแตะที่ระดับสูงสุด 1.25% ภายในปีนี้ ขณะที่ปีหน้า อัตราดอกเบี้ยจะยังคงเป็นขาขึ้น ไม่มีลงอย่างแน่นอน
ประกอบกับสำนักวิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัว 3.2% ปีหน้า 3.4% โดยได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้น ขุนคลัง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ในรอบนี้ จึงออกมาตัดหน้า “รองพง-สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” ของยุติโครงการคนละครึ่ง เอาไว้ที่เฟส 5 ไม่มีต่อเฟส 6 ส่วนที่เหลือรอ ลุ้น ครม.สัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้าว่า คลังและหน่วยงานในสังกัดมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทยอะไรบ้าง!!
เรื่องที่ 1,598 ไม่พูดถึงไม่ได้ เดือนแรกของปีงบประมาณ2566 (ต.ค.) ผลจัดเก็บรายได้ทะลุเป้า 16% กว่าๆ หรือ 16.9% โดยรัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 232,207 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 33,611 ล้านบาท และสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 19.5% โดยการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ขอย้ำอีกครั้ง “กรมสรรพากร” จัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงกว่าประมาณการตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่ กรมศุลกากร ภายใต้การนำของ “อธิบดีหม่อง-พชร อนันตศิลป์” ก็ยังจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการ เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี ตรงนี้แหละ!! คือทีเด็ด คำถามว่า “คดีอะไร” คำตอบคือ “โตโยต้า พริอุส” จ่ายเบี้ยปรับเงินเพิ่มแล้ว 7 พันกว่าล้านบาท ดันให้รายได้กรมศุลฯ และกรมสรรพากรพุ่งขึ้นทันตาเห็น และแน่นอน ยังทำให้อดีตข้าราชการกรมศุลฯ ตั้งแต่อธิบดีในสมัยนั้น จนถึงผอ.ปราบปราม และลูกน้องรวม 15-16 คน รวยรับเละคนละ 30-40 ล้านบาทด้วยเช่นกัน
เรื่องสุดท้าย 1,599 ประเด็นศึกชิงตำแหน่งเอ็มดี ธ.ก.ส.ยังไม่สรุปลงตัว แต่ทุกคนทุกฝ่าย คาดว่า “ฉัตรชัย ศิริไล” ย้ายข้ามห้วยจาก ธอส.ไปนั่งเป็นเอ็มดีอย่างแน่นอน แต่ตำแหน่งใหม่คือ “เอ็มดี ธอส.” งานนี้ อยากลุ้นใครจะได้ไปต่อ แต่โทรถามก็แล้ว เจอกันตัวต่อตัว ทักถามกันไลน์ก็มีนะ!! ทุกคนตอบเสียงเดียวกัน “อยากอยู่ที่เดิมนานๆ” ถ้าเป็นแบบนี้ คนเขียนก็ไปต่อไม่ได้ เพียงแค่ส่งเสียงเชียร์ “ฉัตรชัย” นั่งเอ็มดี ธ.ก.ส. เดินหน้าปลดหนี้เอ็นพีแอลครับ!!
โดยนพวัชร์