สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 23 พ.ย. 65
ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.ระนอง (195 มม.) จ.นครศรีธรรมราช (128 มม.) และ จ.พังงา (103 มม.
น้ำใช้การแหล่งน้ำทุกขนาด 43,676 ล้าน ลบ.ม. (75%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 35,784 ล้าน ลบ.ม. (75%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร
เร่งแผนสร้าง-ปรับปรุงฝายกั้นแม่น้ำปิง 3 แห่ง บรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 65 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วย นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารจัดการน้ำของจังหวัด รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงซ่อมแซมฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิงจำนวน 3 แห่ง
เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ ซึ่งดำเนินการโดยกรมชลประทาน ได้แก่ ฝายหนองวัวดำ ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร
ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานได้ออกแบบแล้วเสร็จ ระยะเวลาการก่อสร้าง 2 ปี (ปี 2566 – 2567) ฝายท่อทองแดง ต.หนองปลิง และฝายวังบัว ต.เทพนคร อ.เมือง มีอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ควรปรับปรุงให้มั่นคงแข็งแรงมีสภาพพร้อมใช้งาน
ทั้งนี้ เมื่อฝายทั้ง 3 แห่งแล้วเสร็จ จะทดน้ำจากแม่น้ำปิงเข้าพื้นที่เกษตรในช่วงฤดูแล้ง บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ที่ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่
รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความสำคัญในการเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุน การสร้าง ซ่อมแซม ปรับปรุงแหล่งน้ำ และจัดทำระบบกระจายน้ำที่ดีและทั่วถึง ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญและวางแผนบูรณาการเร่งรัดแผนงานต่างๆตามกรอบที่วางไว้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็ว
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 23 พ.ย. 2565 ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการ รองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2565/66
กรมชลประทาน ได้ดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช รวมทั้งสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อลดปัญหาการขยายตัวของวัชพืชที่อาจสร้างความเสียหายในพื้นที่ทางน้ำชลประทานได้ รวมไปถึงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและส่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและการเกษตรในช่วงฤดูแล้งนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
2. สภาพอากาศ
หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างจะเคลื่อนเข้าปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ทำให้ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง และมีฝนตกหนักมากบางแห่งใน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
3. แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำใช้การ 43,676 ล้าน ลบ.ม. (75%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 35,784 ล้าน ลบ.ม. (75%) ขนาดกลาง 369 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 4,735 ล้าน ลบ.ม. (93%) และขนาดเล็ก 139,903 แห่ง ปริมาณน้ำใช้การ 3,156 ล้าน ลบ.ม. (62%)
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำใช้การ 14,161 ล้าน ลบ.ม. (78%)
4. ผลการจัดสรรน้ำ (สะสมตั้งแต่ 1 พ.ย. ถึงปัจจุบัน)
4.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถจัดสรรน้ำได้มีจำนวน 35 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การทั้งสิ้น 35,403 ล้าน ลบ.ม. (75%) มีแผนการจัดสรรน้ำ 21,913 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 1,245 ล้าน ลบ.ม. (6%)
4.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีแผนการจัดสรรน้ำ 8,600 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการจัดสรรน้ำแล้ว 304 ล้าน ลบ.ม. (4%)
5. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลสรุปผลการประเมินและวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการทดลองเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินผ่านระบบสระเติมน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำก่ำ ณ โรงแรมฟอร์จูน วิวโขง นครพนม พบว่าภายหลังการทดลองเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินผ่านระบบสระเติมน้ำดังกล่าวพบว่า ระดับน้ำบาดาลเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ทำการทดลอง ซึ่งสามารถนำไปผลิตประปาหมู่บ้าน ทำการขยายพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำระดับตื้น นอกจากนี้ในระยะยาวการทดลองเติมน้ำลงสู่ชั้นน้ำใต้ดินจะช่วยรักษาแหล่งน้ำบาดาลให้สมดุล พร้อมทั้งยังช่วยบรรเทาความรุนแรงของอุทกภัยและภัยแล้งได้อีกด้วย