ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 ต.ค.2565
อีกสัญญาณสู่การเลือกตั้ง กกต. ออกประกาศ 7 ข้อ ห้ามใช้ทรัพยากร-บุคลากรของรัฐ ที่จะมีผลต่อการเลือกตั้ง ดังนี้
เรื่องที่ 1,485 1. ใช้ทรัพยากรของรัฐ หรือบุคลากรของรัฐ โดยการกำหนดนโยบาย โครงการ แผนงาน และมีลักษณะเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง
2. จัดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ และมีการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง
3. กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการประชุม อบรม หรือสัมมนาบุคลากรของรัฐหรือเอกชน โดยใช้เงินงบประมาณของหน่วยงานของรัฐหรือเงินของกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ โดยอาจให้มีการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการประชุมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
4. กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการอนุมัติ โอนหรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้หน่วยงานของรัฐหรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ทำการแจกจ่ายทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่ประชาชน
5. กำหนด สั่งการหรือมอบหมายให้มีการแจกจ่ายหรือจัดสรรทรัพยากรของรัฐให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด โดยไม่มีเหตุอันสมควร
6. ใช้พัสดุหรือเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากหน่วยงานของรัฐ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่หรือใช้บุคลากรของรัฐปฏิบัติงานเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดความไม่ทัดเทียมกันในการเลือกตั้ง
7. ใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น คลื่นความถี่ หรือเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือใช้งบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐ
เรื่องที่ 1,486 หลังจากที่ประชุม ครม.ไฟเขียว 2 โครงการของกรมทางหลวงชนบท วงเงินรวม 6,695 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา-ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง และโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตา ต.เกาะกลาง-ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ล่าสุด “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคมระบุว่า โครงการดังกล่าว จะเชื่อมต่อระบบคมนาคมไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และยังอำนวยความสะดวกผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวให้สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาตลอด!!
สรุปตอนนี้ ภาคใต้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหญ่แย่งชิงสส.ในพื้นที่ไปเสียแล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นเก่าจะรับมือได้ขนาดไหนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
เรื่องที่ 1,487 ดูเหมือนว่าเรื่องราวของการขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ของนายทศพร ศิริสัมพันธ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า เป็นหตุผลส่วนตัว แต่ก็อย่างที่ บก.ชวนคุยเหลาให้อ่านกันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า มาจากปมขัดแย้งของผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว ในการแต่งตั้งผู้บริหารบ.ลูก ของ ปตท. อย่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) แทนที่นางนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ที่ลาออก
เวลานี้เท่าที่พูดคุยกับแหล่งข่าวระดับสูงที่น่าเชื่อถือได้ก็คือ 2 ป. มีความต้องการที่จะดันคนของตนเองให้ขึ้นไปรับตำแหน่ง โดยที่ ณ ขณะนี้มี 2 รายชื่อที่เป็นแคนดิเดต คนหนึ่งมาจากสายงานที่ดูแลการเทรดน้ำมันจากต่างประเทศ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นลูกหม้อของโออาร์เอง ซึ่งคนหนึ่งเคยถูกเสนอชื่อไปแล้วครั้งหนึ่งแต่ถูกตีตกลงมา ในช่วงที่ ป. ท่านหนึ่งต้องถูกพักการทำงานช่วงนั้น ทำให้ปัจจุบันยังไม่สามารถที่จะแต่งตั้งใครขึ้นมารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้ แหมก็ผลประโยชน์มันมหาศาลขนาดนี้ ในเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือก็ย่อมต้องการตักตวงเป็นเรื่องธรรมดาแหละน๊า แต่จะทำอะไรก็อย่าคิดว่าคนภายนอกเค้าจะไม่รู้นะครับผม
เรื่องที่ 1,488 ในวันนี้ (19 ต.ค.) จะมีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting) ณ ห้อง Plenary Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และในวันเดียวกันจะแถลงเรื่องดังกล่าวเวลา 16.30 น. ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ส่วนใครไม่เกี่ยวข้องเตรียมหยุด 3 วัน ระหว่างวันที่16 พ.ย.-18 พ.ย. โปรดทราบโดยทั่วกัน
เรื่องที่ 1,489 ผลงานล่าสุด “ท่านหม่อง-พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมศุลกากร นอกจากจับหมูเก่งแล้วยังจับยาเสพติดเก่งอีกด้วย เมื่อวันที่ 17 ต.ค. เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี (ECSTASY) ซุกซ่อนมากับสินค้าทางพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ต้นทางจากประเทศเยอรมนี จำนวน 6,000 เม็ด มูลค่า 6 ล้านบาท ณ ศูนย์ไปรษณีย์กรุงเทพฯ หัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. และก่อนหน้านี้ วันที่ 13 ต.ค. เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรพบพัสดุสำแดงชนิดสินค้าเป็น COSMETIC ปลายทางประเทศออสเตรเลีย ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ จึงได้ตรวจสอบด้วยการ X-RAY พบสิ่งบ่งชี้ความผิดปกติพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ลักษณะเป็นของเหลวซุกซ่อนในขวดคอนแทคเลนส์ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 4,440 กรัม มูลค่า 2.6 ล้านบาท จึงได้ทำการยึดและประสานศุลกากรประเทศออสเตรเลีย เพื่อสืบสวนเครือข่ายต่อไป
โดยนพวัชร์