“โฮมโปร”ไตรมาสแรกโกยรายได้รวม 16,553 ล้านบาท
โฮมโปร ประเมินแม้เศรษฐกิจไตรมาสแรกจะชะลอตัว แต่ผลประกอบการของบริษัทยังเติบโต เป็นผลมาจากการควบคุม บริหารจัดการค่าใช้จ่าย การปรับเปลี่ยนกลุ่มสินค้าให้มีความครบครันทุกกลุ่ม ส่งผลให้ในไตรมาสแรกปี 62 กวาดรายได้รวม 16,553.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.10% กำไรสุทธิ เท่ากับ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.73%
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ธุรกิจในกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร กล่าววา ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 เศรษฐกิจยังคงขยายตัวในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนจาก ทั้งในภาคเกษตร โดยเฉพาะการปรับตัวสูงขึ้นของราคาข้าว และการบริโภคนอกภาคเกษตรที่ยังคงปรับตัวดีขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเนื่องด้วยได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการของรัฐบาล ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับทรงตัว อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน ในไตรมาสนี้ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยมียอดขายจากสินค้าสำหรับปรับปรุงคุณภาพอากาศที่สูงกว่าปกติเนื่องจากสภาพอากาศที่มีมลพิษในระดับสูงโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ภาคกลาง และภาคเหนือ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เช่น งาน HomePro Expo ในช่วงวันที่ 15-24 มีนาคม 2562 ซึ่งมียอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทและบริษัทย่อย ในไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ เท่ากับ 1,419.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.37 ล้านบาท หรือ 13.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจาก รายได้รวม จำนวน 16,553.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 652.68 ล้านบาท หรือ 4.10% โดยประกอบไปด้วย
รายได้จากการขาย จำนวน 15,399.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 525.01 ล้านบาท หรือ 3.53% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่จากธุรกิจโฮมโปรที่เปิดปีที่ผ่านมา
บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่า และบริการอีกจำนวน 657.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.62 ล้านบาท หรือ 9.78% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และรายได้จากค่าบริการ “Home Service”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 4,030.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178.34 ล้านบาท หรือ 4.63% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.89% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.17% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้า มีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และการเพิ่มอัตรากำไรของกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการปรับปรุงแผนการจัดซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร จำนวน 2,970.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.14 ล้านบาท หรือ 2.00% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงิน เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ค่าเช่า ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายทางการ.ตลาด.