อัลฟาเบตรายได้พุ่งเกินคาด
หุ้นของบริษัทอัลฟาเบต บริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งทะยานขึ้นมากกว่า 5% ในการซื้อขายไม่กี่ชั่วโมง หลังบริษัทรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดการณ์
โดยอัลฟาเบตมีรายได้ 32,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.09 ล้านล้านบาท ในไตรมาสสอง สิ้นสุดเดือนมิ.ย. เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
แต่จำนวนเงินค่าปรับจากอียูจำนวน 4,340 ล้านยูโรเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล ทำให้กำไรของบริษัทหายไปถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อัลฟาเบตรายงานรายได้สุทธิอยู่ที่ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทระบุว่า หากไม่ต้องจ่ายค่าปรับให้สหภาพยุโรป รายได้สุทธิของบริษัทจะสูงถึง 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทางอียูระบุว่า กูเกิลมีความผิดที่ใช้ระบบปฏิบัติการบนสมาร์ทโฟนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในตลาดการสืบค้นข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย โดยบริษัทกำลังยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน ซึ่งทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 36% ในไตรมาสนี้
ศุนทัร ปิจไช ประธานกรรมการบริหารระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่า ความเปลี่ยนแปลงจากหน่วยงานกำกับดูแลจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทอย่างไรในระยะยาว
“ยังมีงานต้องทำอีกมาก และผมคิดว่า มันจะชัดเจนขึ้นเมื่อเราปรับตัวได้” เขากล่าว
ซีอีโอคนเก่งยังกล่าวต่อไปว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงผลกระทบจากกฎหมายปกป้องความเป็นส่วนตัวใหม่ของยุโรป
จากมุมมองของนักวิเคราะห์ ค่าปรับจำนวนมากจากคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ได้ทำให้อัลฟาเบตเจ็บตัวมากนัก อย่างน้อยก็ในสายตาของนักลงทุน แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจดจำว่าการจ่ายค่าปรับ (ในกรณีที่กูเกิลแพ้อุทธรณ์) ไม่ได้ทำให้ปัญหาหมดไป
คณะกรรมาธิการยุโรปต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบกับรายได้จากการให้บริการสืบค้นข้อมูลของกูเกิล เพราะผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธุรกิจส่วนนี้ทำให้นักลงทุนพอใจ แม้จะมีเรื่องค่าปรับก็ตาม แต่รอยยิ้มเหล่านี้อาจกลายเป็นยิ้มค้าง เมื่อต้องเจอกับกฎหมายของยุโรปที่เข้มงวด
ค่าปรับเป็นแค่การเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงกับอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของกูเกิลบนสมาร์ทโฟนที่อาจเป็นอันตรายอย่างแท้จริงกับรูปแบบธุรกิจของบริษัท “ผมเชื่อมั่นว่า เราจะหาทางที่ทำให้แน่ใจว่า แอนดรอยด์ให้บริการผู้ใช้งานในทุกที่” ศุนทัร ปิจไช ประธานกรรมการบริหารกูเกิลกล่าวกับนักลงทุน
โดยนักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัท
อัลฟาเบตพึ่งพารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก และกำลังประสบกับภาวะการแข่งขันสูงในตลาด โดยมีบริษัทอย่างอเมซอนเป็นคู่แข่งหลัก
ในเดือนมี.ค. eMarketer บริษัทวิจัยประเมินว่ากูเกิลจะมีรายได้จากโฆษณาสื่อดิจิทัลในสหรัฐฯปีนี้ประมาณ 37% ลดลงจากเดิมคือ 39% ในปี 2560
นอกจากนี้ อัลฟาเบตยังมีการแตกไลน์ธุรกิจไปยังธุรกิจอื่น ทั้งระบบคลาวด์ ยูทูบและรถยนต์ไร้คนขับ โดยบริษัทระบุว่าระบบคลาวด์และยูทูบเองก็มีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ แต่ Waymo ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ มีผลประกอบการขาดทุนถึง 732 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 633 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีก่อน.