ภาษีทรัมป์ทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งระบบ
การเสนอตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบด้านลบกับอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม อ้างอิงจากมูดีส์ บริษัทจัดอันดับผู้ให้บริการนักลงทุน
โดยมูดีส์ระบุว่า ภาษีที่สูงขึ้นของสหรัฐฯจะก่อให้เกิดปัญหากระทบกับซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก
“ ภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์จะก่อให้เกิดผลด้านลบกับอุตสาหกรรมในวงกว้าง ” มูดีส์ระบุในรายงานให้ลูกค้าเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. “ ภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าและชิ้นส่วนรถยนต์จะส่งผลกระทบด้านลบกับอุตสาหกรรมรถยนต์ส่วนใหญ่ ทั้งผู้ผลิตรถยนต์ ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์ และบริษัทขนส่ง หากมีการปรับขึ้นภาษี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อปกป้องปริมาณยอดขาย ที่กระทบกับผลกำไร ต้องตั้งราคารถยนต์ให้สูงขึ้นเพื่อจะส่งต่อภาระจากภาษีไปให้ผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขาย หรือทั้งสองอย่าง”
ในสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษี 20% กับรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรป เนื่องจากอียูตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมไปก่อนหน้านี้
“ จากภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่มีกับสหรัฐฯ และบริษัทยักษ์ใหญ่และแรงงาน จากสหภาพยุโรป หากยังคงมีการตั้งกำแพงภาษีเช่นนี้ต่อไปและไม่ถอนออก เราจะขึ้นภาษีเป็น 20% กับรถยนต์ทั้งหมดที่เข้ามาในสหรัฐฯ ผลิตรถที่นี่ซะ ! ” ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คาดการณ์ว่าบางส่วนของภาษีจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ค. ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษี 25% กับสินค้าจีน รวมทั้งรถยนต์ด้วย
มูดีส์ระบุว่า บริษัทผู้ผลิตอเมริกันจะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า เนื่องจากทั้งสองบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเจเนรัล มอเตอร์และฟอร์ดพึ่งพาการนำเข้าจากโรงงานผลิตของตัวเองที่ตั้งอยู่ในเม็กซิโกและแคนาดา
“ ภาษีจะส่งผลด้านลบกับทั้ง GM และ Ford โดย GM จะยิ่งแบกภาระเพิ่มขึ้น เพราะพึ่งพารถยนต์นำเข้าจากโรงงานที่เม็กซิโกและแคนาดาเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในสหรัฐฯ ” อ้างอิงจากรายงาน
“ นอกจากนี้ สัดส่วนกำไรของรถกระบะและเอสยูวีของแบรนด์ GM มาจากการผลิตที่โรงงานในเม็กซิโกและแคนาดา บริษัทผู้ผลิตทั้งสองจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการลดเพดานการผลิตที่เม็กซิโกและแคนาดาลง และย้ายการผลิตบางส่วนมาที่สหรัฐฯ”
ชัดเจนว่านโยบายการค้าของทรัมป์บีบบังคับให้หลายบริษัทต้องเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตรถยนต์ของพวกเขา
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.หุ้นของแบรนด์รถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสันดิ่งร่วงลงมา หลังจากบริษัทผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันระบุว่า จะเริ่มโยกย้ายการผลิตบางส่วนไปต่างประเทศเพื่อรับมือกับผลกระทบจากกำแพงภาษีของอียูที่มีต่อสินค้าสหรัฐฯ.