ทวิตเตอร์ปรับแผนงัดข้อจอมก่อกวนและคุกคาม
เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัททวิตเตอร์ได้ทำการแก้ไขกลยุทธ์เพื่อจัดการกับ “โทรล” หรือผู้สร้างความวุ่นวายบนโลกโซเชียล ที่แสดงท่าทีคุกคามและไม่เหมาะสม โดยจะมีการสังเกตผ่านสัญญาณพฤติกรรมการใช้งาน
เพื่อระบุบัญชีผู้ใช้ที่คุกคามผู้อื่นบนโซเชียลมีเดีย และจำกัดไม่ให้สามารถเห็นทวีตของบัญชีเหล่านั้นได้
บริษัททวิตเตอร์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะพื้นที่สำหรับการพูดคุยหรือถกเถียงกันได้อย่างสาธารณะนับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งล่าสุดทางทวิตเตอร์ได้พยายามที่จะกำจัดการคุกคามหรือล่วงละเมิดภายในทวิตเตอร์เอง เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับผู้ใช้ที่โจมตีกันจนส่งผลทำให้ผู้คนต่างเลิกใช้ทวิตเตอร์
กฎของทวิตเตอร์ได้มีการกำหนดไม่ให้มีการใช้ถ้อยคำรุนแรงเพื่อใช้ในทางที่ผิด และทางทวิตเตอร์สามารถระงับบัญชี หรือทำการบล็อคผู้กระทำผิดได้เลยหากมีคนรายงานเหตุการณ์ให้ทางทวิตเตอร์ทราบ นอกจากนี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ยังสามารถปิดรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับผู้ใช้ที่อาจสร้างความไม่พอใจได้ โดยมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า “มิวท์” ให้บริการ
แจ็ค ดอว์ซีย์ ซีอีโอของบริษัททวิตเตอร์ระบุว่า ทางบริษัทอาจจะทำการลองค้นหาบัญชีที่สร้างปัญหา โดยตรวจสอบจากพฤติกรรมอย่างเช่น ผู้ใช้บัญชีดังกล่าวทวีตหาบัญชีอื่นที่ไม่ได้ทำการติดตามกลับบ่อยครั้งมากแค่ไหน หรือแม้แต่พวกบัญชีเหล่านั้นได้ทำการยืนยันการใช้งานผ่านอีเมลแล้วหรือยัง
ข้อความจากบัญชีเหล่านั้นจะปรากฎขึ้นน้อยลงหรือลดลงในบางส่วนของทวิตเตอร์ อย่างเช่น ผลการค้นหา หรือในข้อความตอบกลับ แม้ว่าทวีตเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดกฎใด ๆ ก็ตาม
นายดอว์ซีย์กล่าวกับสื่ออย่างกระชับว่า “เราอยากจะเป็นผู้รับภาระแทนผู้ใช้ที่ได้รับข้อความคุกคามหรือล่วงละเมิดพวกเขา” โดยเขาได้เสริมอีกว่าการที่จะทำให้สำเร็จได้ต้องใช้วิธีราวกับ “การทุบตุ่น”
อย่างไรก็ตาม ทางทวิตเตอร์จะไม่ได้ทำการกำจัดทวีตต่าง ๆ ทั้งหมดด้วยวิธีการใช้สัญญาณพฤติกรรมการใช้งานเพียงอย่างเดียว
หลังจากการทดสอบครั้งต่าง ๆ วิธีการใหม่ของทวิตเตอร์ก่อให้เกิดผลลัพธ์เกี่ยวกับรายงานการใช้ถ้อยคำคุกคามจากผลการค้นหาลดลง 4% และอีก 8% จากรายงานการคุกคามจากบทสนทนาที่มีการโต้ตอบคุยกัน
เดล ฮาร์วีย์ รองประธานด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของทวิตเตอร์ระบุว่า การคุกคามส่วนใหญ่มาจากบัญชีที่มีจำนวนไม่มากนัก แต่มีผลกระทบต่อผู้อื่นเป็นวงกว้าง
บริษัทด้านโซเชียลมีเดียทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันสำหรับการลงมือจัดการกำจัดบัญชีที่ระรานผู้อื่น ซึ่งผู้คนเหล่านี้มักจะมุ่งเป้าการข่มเหงไปที่ผู้หญิงหรือชนหมู่น้อย ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างเป็นอิสระบนทวิตเตอร์เนื่องจากความหวาดกลัวต่อความรุนแรง
การกำจัดข้อความหรือพฤติกรรมคุกคามจะช่วยกิจการของทวิตเตอร์ให้ดียิ่งขึ้น หากผู้สมัครใช้บัญชีเพิ่มมากขึ้นและใช้เวลากับโซเชียลมีเดียนี้ให้นานขึ้น นักการตลาดส่วนใหญ่ก็จะหันมาซื้อโฆษณาต่อไป
นายดอร์ซีย์ระบุว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์เป็นประจำทั้ง 336 ล้านรายต่อเดือน อาจต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงจำนวนหนึ่งในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากทางทวิตเตอร์จะทำการค้นหาหนทางเพื่อส่งเสริมทวีตที่เหมาะสมกับผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ได้ทำการขอความคิดเห็นจากทางด้านวิชาการและอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือด้านการประเมิน “ ความสมบูรณ์ในด้านการสนทนาอย่างเป็นสาธารณะ ” ซึ่งทางบริษัทนั้นกำลังทำการทบทวนข้อความเหล่านั้นที่ได้รับมา 230 ข้อความ.