สหรัฐฯ /อังกฤษ/ฝรั่งเศสถล่มซีเรีย
กองทัพสหรัฐฯ อังกฤษและฝรั่งเศสสรรพกำลังเข้าถล่มซีเรียด้วยขีปนาวุธกว่า 100 ลูกเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ถือเป็นการร่วมมือกันโจมตีรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรียก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศถึงปฏิบัติการทางทหารจากทำเนียบขาว โดยระบุว่า 3 ชาติพันธมิตรสำคัญผนึกกำลังกันเพื่อแสดงออกถึงพลังที่ถุูกต้องเพื่อต่อต้านความป่าเถื่อนและโหดร้าย โดยเขาได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ในเวลาต่อมาว่า “ ภารกิจลุล่วง”
ซึ่งเป็นคำเดียวกับที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งเคยใช้วลีนี้ในปี 2546 ในระหว่างสงครามอิรัก และดื้อดึงที่จะเป็นเช่นนั้นตลอดวาระการดำรงตำแหน่งของเขา
กลุ่มนักการเมืองสหรัฐฯให้การสนับสนุนการโจมตีซีเรียของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่วิจารณ์ยุทธศาสตร์การทำสงครามของสหรัฐฯในซีเรียที่ควรยุติสงครามการเมืองในซีเรียนาน 7 ปีลงได้แล้ว ถึงแม้จะมี หรือไม่มีประธานาธิบดีอัสซาดก็ตาม
“ เพื่อความสำเร็จในระยะยาว เราจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมสำหรับซีเรียและทั้งภูมิภาค” จอห์น แมคเคน ส.ว.พรรครีพับลิกันระบุในแถลงการณ์หลังการโจมตีล่าสุด
ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าเขาต้องการจะถอนทหารสหรัฐฯประมาณ 2,000 คนในซีเรียที่ต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายจากรัฐอิสลาม หรือไอเอส และรัฐบาลระงับการสนับสนุนกลุ่มกบฎซีเรีย ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาต้องการถอนสหรัฐฯออกจากซีเรีย
แต่เขามีท่าทีการแสดงออกที่ขัดแย้งเนื่องจากเขากล่าวเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ว่า พันธมิตรตะวันตกเตรียมพร้อมที่จะคงคำตอบเดิม หากประธานาธิบดีอัสซาดไม่หยุดที่จะใช้อาวุธเคมี
เจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯหลายคนให้ความเห็นโดยไม่เปิดเผยนามว่า การขับไล่ประธานาธิบดีอัสซาดไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด เพราะเขาสามารถอยู่ได้จากความช่วยเหลือมหาศาลของอิหร่านและรัสเซีย
“ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องอัสซาดได้ อัสซาดยังประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ และเขาสามารถระดมเงินทุนในเรื่องนี้ได้” ฟิราส มัคซาด ผู้อำนวยการมูลนิธิอาหรับที่มีที่ตั้งอยู่ในวอชิงตันกล่าว
“ กระบวนการเจนีวา (ซึ่งเป็นกระบวนการสันติภาพที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย) ไม่มีผล และถึงเวลาที่จะต้องหาอะไรใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลง”
เดนนิส รอสส์ ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาตะวันออกกลางของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาในสมัยแรก กล่าวว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธส่งผลกระทบเพียงเล้กน้อยกับสถานการณ์โดยรวมในซีเรีย
โดยเขากล่าวว่า การเข้าโจมตีของทรัมป์ไม่เกี่ยวกับสมดุลของอำนาจในซีเรีย มันเกี่ยวกับไอเอสและการใช้อาวุธเคมี
“ การโจมตีอาจโน้มน้าวประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียที่จะหยุดการใช้อาวุธเคมีของอัสซาด เนื่องจากชัดเจนว่า เรากำลังถอนตัวออกจากซีเรีย การบุกถล่มไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริง”
ทั้งนี้ รัสเซียประกาศชัยชนะถึง 3 ครั้งในซีเรีย และมีความพยายามจากต่างชาติสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเพื่อบีบบังคับให้ประธานาธิบดีอัสซาดลงจากตำแหน่งไป อ้างอิงจากความเห็นของมัคซาด
“ ปูตินมีเจตนารมณ์ทางการเมืองและความอดทนที่จะทำสงครามในซีเรียและเขาได้แสดงให้เห็นมานานเกือบ 3 ปีแล้ว” มัคซาดกล่าว.