“ภิรมย์ภักดี”ดันBGFทุ่มพันล.ซื้อธุรกิจอลูมิเนียม
กลุ่มบางกอกกล๊าส หนึ่งในธุรกิจของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” เร่งเพิ่มพอร์ตธุรกิจวัสดุก่อสร้างและกระจก ดันเรือธง บีจีเอฟ เติบโตแบบก้าวกระโดด หลังทุ่มเม็ดเงิน 1,000 ล้านบาท ซื้อกิจการบริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียม เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ เสริมศักยภาพสู่ตลาดใหม่ๆ ทั้ง ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โชว์ผลประกอบการโดดเด่นสูงถึง 4,000 ล้านบาท
นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี โฟลต กล๊าส จำกัด (หรือ บีจีเอฟ ) ทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจของบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) (หรือ) กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมกระจกในประเทศไทยในปี 2562 ว่า เติบโตรวม 5-6% จากมูลค่าตลาดรวมที่มีการคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาที่ 12,000 ล้านบาท แต่ก็มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดวัสดุก่อสร้าง เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน (เทรดวอร์) เรื่องมาตรการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศของรัฐบาลจีน ซึ่งมีผลต่อตลาดคอนโดมิเนียมในไทย
สำหรับทิศทางธุรกิจบีจีเอฟในปี 62 นั้น จะขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจหลักในธุรกิจกระจก พร้อมกับธุรกิจอลูมิเนียม ที่ บีจีเอฟ ได้เข้าไปซื้อกิจการมาเมื่อต้นปี 2562 ในวงเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเกื้อหนุนในการขยายตลาดและทำให้มีจุดแข็งในการทำธุรกิจ โดยภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า จะเริ่มออกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ บีจีเอฟ ทำตลาดผ่านเครือข่ายจากฐานลูกค้าในธุรกิจกระจกของบริษัทฯ ทั้งนี้ ในก BGารประเมินรายได้รวมปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท แยกเป็นจากธุรกิจกระจกที่คาดว่าจะเติบโต 60% หรือมีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอลูมิเนียมประมาณ 1,500 ล้านบาท
” ปีที่ผ่านมา เป็นปีแรกที่เราเข้าสู่ธุรกิจกระจก ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แม้ว่าเราจะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด แต่ผลงานก็ออกมาดี เพียงแค่ระยะเวลาปีกว่า บีจีเอฟ สามารถมีส่วนแบ่งในตลาดรวมถึง 19% ซึ่งบริษัทมีเตาหลอมเพียงเตาเดียว ซึ่งในอนาคต หากธุรกิจมีการเติบโต ก็อาจจะขยายลงทุนเตาหลอมเพิ่มขึ้น “
ในเรื่องกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น จะมีทั้งในประเทศและส่งออก โดยจะมีสัดส่วน 60% และ 40% ของยอดขายตามลำดับ ซึ่งตลาดในประเทศจะพยายามเข้าถึงลูกค้าโครงการ โดยจะหาพันธมิตรที่เป็นผู้รับเหมาในการเข้าไปเสนองาน เพื่อเราจะเข้าไปวางสเป็กกับทางโครงการ
อย่างไรก็ตาม บีจีเอฟ จะมีการต่อยอดไปสู่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ในผลิตภัณฑ์ประเภท พื้น กำแพง ฝ้า เพดาน และยิปซั่มบอร์ด นอกจากนี้ ตามแผน 5 ปี ภายในปี 2566 คาดว่ารายได้รวมของบริษัทฯจะไปสู่เป้าหมายที่ 6,000-7,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับแผนเข้าตลาดหุ้น .