ปูตินลงพื้นที่ห้างไฟไหม้
เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเดินทางไปเยือนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 64 ราย
เจ้าหน้าที่ผู้สอบสวนหาสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งนี้ (ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุร้ายที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรัสเซียนับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย) ระบุว่า ทางออกหนีไฟของห้างถูกปิด และระบบสัญญาณเตือนไฟไม่ทำงาน
โดยเพลิงไหม้ที่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าวินเทอร์เชอร์รีในเมือง Kemerovo ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์ และพื้นที่เล่นสำหรับเด็กเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา
ในบรรดาเหยื่อผู้เสียชีวิต อาจเป็นเด็กหลายสิบคน ถือเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ของเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตถ่านหินประมาณ 3,600 ก.ม. ทางตะวันออกของมอสโก นอกจากความโศกเศร้าแล้ว เหตุร้ายยังก่อให้เกิดความไม่พอใจของผู้คนเกี่ยวกับมาตรฐานระบบความปลอดภัยที่ล้มเหลวของห้างอีกด้วย
ประธานาธิบดีปูติน ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุในวันที่ 27 มี.ค.และวางดอกไม้ไว้อาลัยให้กับเหยื่อ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่ นี่ไม่ใช่สงคราม ไม่ใช่เหตุก๊าซระเบิด ทุกคนมาเพื่อผ่อนคลาย เด็กๆด้วย เรากำลังพูดถึงเรื่องของคน และเราสูญเสียคนไปมาก” ผู้นำรัสเซียกล่าวในการประชุมกับรัฐมนตรีหลายคนในเมือง Kemerovo
“ทำไมหรือ ? ก็เพราะความประมาทเลินเล่อน่ะสิ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?” ประธานาธิบดีปูตินกล่าว
ประธานคณะกรรมการสอบสวนแห่งรัสเซีย ซึ่งรับหน้าที่จัดการคดีสำคัญๆ ระบุว่า ระบบสัญญาณเตือนภัยในห้างใช้การไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.และเจ้าหน้าที่รปภ.ไม่ได้เปิดระบบประกาศเตือนคนให้หลบหนีออกจากอาคาร
โดยคณะกรรมการระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้พยายามจะนำตัวเจ้าของห้างมาสอบสวน
“มีการทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงตั้งแต่ห้างเริ่มก่อสร้างและเปิดบริการ ทางออกหนีไฟถูกปิด” Svetlana Petrenko โฆษกหญิงของคณะกรรมการระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 26 มี.ค.
มีการควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด 4 ราย รวมทั้งพนักงานบริษัทที่ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่ห้าง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินกล่าวว่าพวกเขาดับไฟได้แล้ว แต่ต่อมาเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นมาอีก และเป็นการยากที่เจ้าหน้าที่จะช่วยเหยื่อได้เพราะหลังคาตึกถล่มลงมา
Veronika Skvortsova รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวในที่เกิดเหตุว่า มีเหยื่อ 13 คนที่อยู่ในโรงพยาบาล รวมทั้งเด็กชายวัย 11 ปีที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส สื่อรัสเซียรายงานว่า เด็กชายกระโดดหนีจากหน้าต่างลงมา และพ่อแม่ของเด็กเสียชีวิตแล้วทั้งคู่
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหยื่อหลายคนต้องมีการทดสอบ DNA เพื่อระบุอัตลักษณ์ ขณะที่รายชื่อผู้สูญหายที่ยังไม่ระบุเป็นทางการ ซึ่งเผยแพร่โดยสื่อรัสเซียเป็นเด็กมากกว่า 20 คน และบางคนอายุเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น
ข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ถูกส่งจากเหยื่อรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเด็กหญิงชื่อ Maria Moroz วัย 13 ปี และสื่อรัสเซียนำมารายงานคือ “เรากำลังถูกเผา หนูรักทุกคน นี่คงเป็นการบอกลา”.