อเมริกันเชื่อเฟซบุ๊กน้อยกว่าบริษัทอื่น
น้อยกว่าครึ่งของชาวอเมริกันเชื่อว่าเฟซบุ๊กจะปฏิบัติตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวของสหรัฐฯ อ้างอิงจากโพลล์ของรอยเตอร์/Ipsos ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มี.ค. แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่เฟซบุ๊กต้องเผชิญหลังเกิดข่าวฉาวเรื่องการจัดการกับข้อมูลส่วนตัว
โดยผลโพลล์ที่จัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 21-23 มี.ค. พบว่ามีชาวอเมริกันเชื่อในเฟซบุ๊กน้อยกว่าบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นที่เก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งาน เช่น แอปเปิล อัลฟาเบท อเมซอน ไมโครซอฟต์ และยาฮู
มีชาวอเมริกัน 41% ที่เชื่อว่าเฟซบุ๊กปฏิบัติตามกฎหมายที่ปกป้องข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา เมื่อเทียบกับ 66% ที่ระบุว่าพวกเขาเชื่ออเมซอน 62% เชื่อกูเกิล 60% เชื่อไมโครซอฟต์ และ 47% เชื่อยาฮู
ทั้งนี้ โพลล์สำรวจของรอยเตอร์/Ipsos จัดทำขึ้นทางออนไลน์ทั่วสหรัฐฯ โดยรวบรวมคำตอบจาก 2,237 คน
เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นบริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกมาขอโทษต่อสาธารณชนเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงที่กระทบต่อผู้ใช้งาน นักโฆษณา ส.ส.และนักลงทุนสำหรับความผิดพลาดที่ปล่อยให้ข้อมูลของผู้ใช้งาน 50 ล้านรายรั่วไหลไปอยู่ในมือของที่ปรึกษาทางการเมือง Cambridge Analytica
หุ้นเฟซบุ๊กดิ่งร่วงลงมาถึง 14% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แฮชแท็ก # DeleteFacebook แพร่กระจายทั่วโลกออนไลน์ และมีการเรียกร้องให้ซีอีโอ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ต้องปรากฎตัวเพื่อให้ปากคำต่อหน้าส.ส.ในสภา
ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่า ความไม่เชื่อถือจะทำให้ผู้คนถอยห่างจากเฟซบุ๊ก Debra Williamson นักวิเคราะห์การตลาดกล่าว โดยเธอเสริมว่า ลูกค้าธนาคาร หรืออุตสาหกรรมอื่นไม่จำเป็นต้องเลิกใช้หลังสูญเสียศรัทธา
“เป็นเรื่องยากที่จะเลิกใช้แพลตฟอร์มอย่างเฟซบุ๊กที่มีบทบาทมากกับชีวิตผู้คน” เธอกล่าว
เหตุผลหนึ่งที่เฟซบุ๊กและบริษัทอินเทอร์เน็ตรายอื่นเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวจากผู้ใช้งานก็เพื่อส่งโฆษณาสินค้าและบริการมาที่บัญชีผู้ใช้งานที่ต้องการจะเห็นมากที่สุด
โดยเฟซบุ๊ก ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนสูงถึง 2,000 ล้านราย สามารถทำรายได้จากโฆษณาเป็นส่วนใหญ่จากรายได้รวม 40,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.27 ล้านล้านบาท ในปีที่แล้ว
ขณะที่ผลสำรวจเผยว่า คนจำนวนมากดูโฆษณาซึ่งเจาะจงกลุ่มเป้าหมายน้อยมาก และ 63% ระบุว่า พวกเขาต้องการเห็นโฆษณาที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายน้อยลงในอนาคต มีเพียง 9% ที่ต้องการเห็นมากขึ้น เมื่อถูกถามให้เปรียบเทียบกับโฆษณาแบบดั้งเดิม 41% ตอบว่าแย่กว่า ขณะที่ 21% ตอบว่าดีกว่า
Maria Curran วัย 56 ปี ผู้ตอบแบบสำรวจคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในนิวแฮมป์เชอร์กล่าวว่า “เหมือนกับว่า ถ้าเราแสดงความสนใจในการกินแบบสุขภาพ โฆษณาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักก็จะถาโถมเข้ามาที่เราไม่หยุด”
เธอกล่าวว่าเธอรู้ว่าอเมซอนก็เก็บข้อมูลของเธอสำหรับการตลาดที่เธอเป็นกลุ่มเป้าหมาย แต่ก็สร้างความรำคาญให้เธอน้อยกว่าเพราะมันเป็นเว็บไซต์ช้อปปิง ไม่ใช่ที่ที่เรามีการสนทนาเป็นส่วนตัว
ผู้ตอบแบบสำรวจหลายคนระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทมากขึ้นในการเฝ้าระวังสอดส่องการจัดการข้อมูลผู้ใช้งานของอุตสาหกรรมนี้ อ้างอิงจากผลสำรวจ ผู้ใหญ่ 46% ต้องการให้มีกฎระเบียบควบคุมจากทางภาครัฐมากกว่านี้ ขณะที่ 17% ต้องการให้ควบคุมน้อยลง อีก 20% ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง และที่เหลืออีก 18% บอกว่าไม่รู้.