คลังน้ำมันยูเครนโดนถล่ม คนหนีออกประเทศกว่า 1.5 แสน
ยูเครนอ้างรัสเซียยิงจรวดถล่มคลังน้ำมันใกล้กรุงเคียฟ ชาวบ้านแตกตื่นหนีตายหลบอยู่ตามหลุมหลบภัยใต้ดิน สหประชาชาติระบุชาวยูเครนหนีภัยสงครามออกนอกประเทศแล้วมากกว่า 1.5 แสนคน
สถานการณ์ยูเครนยังรุนแรงต่อเนื่องนับตั้งแต่กองทัพรัสเซียส่งทหารรุกคืบเข้าพื้นที่จากทั้งทางภาคเหนือ ภาคตะออกและภาคใต้ตั้งแต่ช่วงวันพฤหัสบดี 24 ก.พ. จ่อบุกยึดกรุงเคียฟอย่างเบ็ดเสร็จได้ทุกขณะ ฝ่ายยูเครนอ้างรัสเซียยิงจรวดโจมตีคลังน้ำมันแห่งหนึ่งใกล้กรุงเคียฟ ส่งผลให้เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งเหนือท้องฟ้า ทั้งหวั่นเกิดแก๊สพิษปกคลุมทั่วเมือง นอกเหนือจากรายงานข่าวรัสเซียระเบิดท่อส่งก๊าซของยูเครนอีกแห่งหนึ่ง
การโจมตีพื้นที่ยูเครนด้วยระเบิดเกิดขึ้นหลายครั้งตลอดตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันอาทิตย์ 27 ก.พ.ทางการกรุงเคียฟประกาศบังคับใช้มาตรการ “เคอร์ฟิว” ห้ามผู้คนออกจากเคหาสถานยามค่ำคืนจนถึงช่วงเช้าวันถัดไป มาตรการเคอร์ฟิวบังคับใช้จนถึงช่วงวันจันทร์ 28 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น ชาวบ้านต้องอาศัยหลบภัยอยู่ตามสถานีรถไฟใต้ดิน ท่ามกลางคำเตือนผู้คนที่ออกมาตามท้องถนนยามค่ำคืนจะถูกระบุเป็น “ผู้ก่อความไม่สงบ”
สหประชาชาติระบุชาวยูเครนในเขตเมืองหลวงมากประมาณ 2.8 ล้านคน ต่างได้รับผลกระทบจากการโจมตีของรัสเซีย ผู้คนเสียชีวิตจากเหตุโจมตียูเครนแล้วมากประมาณ 240 ราย รวมถึงพลเรือน 64 ราย ชาวยูเครนมากกว่า 1.5 แสนคน หนีออกต่างประเทศไปพำนักชั่วคราวในประเทศเพื่อนบ้านทั้งโปแลนด์และมอนโดวา
ขณะเดียวกัน ชาติพันธมิตรตะวันตกประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เน้นคว่ำบาตรด้านการเงิน โดยเฉพาะเครือข่าย SWIFT ระบบบริการการเงินต่างธนาคาร ซึ่งจะส่งผลถึงการยักย้ายถ่ายโอนของรัสเซียและกลุ่มมหาเศรษฐีรัสเซียทั่วโลก
นอกจากนั้น กลุ่มชาติตะวันตกยังให้คำมั่นช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ยูเครนใช้สกัดกั้นตอบโต้การบุกของรัสเซีย โดยเฉพาะอาวุธต่อต้านรถถัง อีกทั้งขู่ดำเนินคดีอาชญากรสงครามต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีย์ ผู้นำยูเครน ประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันต่อชาวยูเครนระบุตนยังอยู่หลบภัยในกรุงเคียฟและยังพยายามต่อสู้ปกป้องยูเครนจากการรุกรานของรัสเซีย.