‘อาคม’ยันคุมปัญหาเศรษฐกิจอยู่หมัด
“อาคม” สั่งจับตาปัญหาเศรษฐกิจไทย 4 ด้าน ดันเศรษฐกิจไทยเติบโต หรือถอดถอยก็ได้ แต่ยังมั่นใจ รัฐจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้โชว์จีดีพีปีนี้ ขยายตัว 4% หนี้ต่อจีดีพีสูงสุดไม่เกิน 65%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ความกังวลใจในเรื่องเศรษฐกิจ ขณะนี้ มีทั้งหมด 4 ด้านด้วยกันคือ 1.ภาวะราคาน้ำมันแพง เกิดจากปัญหายูเครนกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง ทำให้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่ 90-100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 2.ราคาสินค้าหมวดอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 3.การแพร่ระบาดโควิด จากเดิมที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ในช่วงก่อนปลายปีที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้ สถานการณ์กลับไม่น่าไว้วางใจ ทำให้ทุกประเทศกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ4. ทิศทางของดอกเบี้ยกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอก เบี้ย จะทำให้อัตราดอกเบี้ยในไทยก็จะปรับขึ้นตามไปด้วย
“ปัญหาของยูเครนกับรัสเซียนั้น เราทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่เหนือกับการควบคุม แต่จะพยายามดูราคาน้ำมันในประเทศให้มีผลกระทบกับคนไทยน้อยที่สุด ซึ่งเชื่อว่า การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับอิหร่าน จะทำให้ราคาน้ำมันถูกลงได้”
ส่วนกรณีสินค้าแพงนั้น รัฐบาลได้เข้าไปดูแล้ว ทำให้ราคาเนื้อสัตว์ถูกลง ขณะที่เรื่องของอัตราดอกเบี้ยนั้น เข้าใจว่า ธนา คารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับกระทรวงการคลังทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งผมไม่อยากเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ เพราะอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ ช่วยประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการ ธปท. เคยประกาศว่า การจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ต้องรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวก่อน โดยประเมินว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ต้องใช้เวลา 2 ปีหรือในปี2567 การคงอัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีกับเศรษฐกิจไทย
สำหรับนโยบายต่อไปของกระทรวงการคลัง เข้าใจว่า กระทรวงการคลังกับสภาพัฒน์ฯ กำลังหารือเกี่ยวกับมาตราการเพิ่มรายได้ให้แก่ภาคประชาชนรวมถึงการลดหนี้ครัวเรือน หลังจากที่ประเทศไทยใช้มาตรการทางด้านบรรเทาผลกระทบและทางด้านสังคม เพื่อลดความเสียหาย จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว แต่ประเด็นนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ทำให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกของปีนี้ ชะลอตัวลงในหลายๆ ประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย
สำหรับนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ เบื้องต้น หนี้สาธารณะต่อจีดีพี ไม่เกิน 70% อย่างแน่นอน เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีดีพีขยายตัวเร็วกว่าการก่อหนี้ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ระดับื 62% ขณะที่เศรษฐ กิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% แต่ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินรัฐบาลก็ยังสามารถกู้เงินได้ 100,000 ล้านบาท จากวงเงินกู้ตามพ.ร.ก. ทั้งหมด 150,000 ล้านบาท