” สิงห์ เอสเตท” แตกแบรนด์คอนโดฯใหม่ ซ.รางน้ำกว่า4พันล.
” สิงห์ เอสเตทฯ ” เรือธงธุรกิจอสังหาฯของตระกูล ” ภิรมย์ภักดี ” มองปี 62 ยังมีปัจจัยลบ มั่นใจหลังการเลือกตั้ง สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พร้อมรุกตลาดคอนโดฯ ต่อ มิ.ย.นี้ เปิดคอนโดฯแบรนด์น้องใหม่มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ตรงข้ามคิง เพาเวอร์ ซ.รางน้ำ มั่นใจลูกค้าต่างชาติตอบรับยอดจองเต็มโควต้า 49%
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน)หรือ S กล่าวถึงแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีในปี 2562 ว่า ความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ยังมีอยู่ และแม้ในเดือนเมษายนนี้ จะมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ไม่ค่อยมีผลต่อลูกค้ากลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด แต่อาจจะมีในเรื่องของปัจจับลบต่างๆ ที่จะมีผลด้านจิตวิทยาเพียงเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนก็ทำให้ความต้องการซื้อชะลอการตัดสินใจออกไป แต่เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งและจัดตั้งตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว สถานการณ์ต่างๆจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่ในเดือนมิถุนายนี้ เบื้องต้น 1 โครงการ ในซอยรางน้ำ ตรงข้ามกับคิง เพาเวอร์ รางน้ำ นพื้นที่เกือบ 2 ไร่ สูงประมาณ 35 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตร(ตร.ม.)ขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 200,000 บาทต้นๆ/ตร.ม. จำนวน 415 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งจะมีชาวต่างชาติสนใจซื้อเต็มโควตา 49% อย่างแน่นอน
ส่วนความคืบหน้าโครงการ “ดิ เอส อโศก” คอนโดฯระดับลักชัวรี ขณะนี้มียอดขายแล้ว 90% โดย 60% เป็นลูกค้าคนไทย และสัดส่วน 40% เป็นชาวต่างชาติ ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะสิงคโปร์ มีนักลงทุนซื้อยกชั้น (ฟลอร์) เพื่อนำไปขายต่อ รายละประมาณ 20 ยูนิต และทางโครงการได้เตรียมโปรโมชันสำหรับห้องส่วนที่ยังไม่ได้ขายอีกประมาณ 10% จำนวนกว่า 40 ยูนิต ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2562 นี้ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้ โดยในช่วงที่ผ่านมา ทางโครงการได้โอนห้องชุดให้แก่ลูกค้าไปกว่า 1,550 ล้านบาท หรือ 38% และจะโอนแล้วเสร็จทั้งหมดภายในไตรมาส 2 ปีนี้
ขณะที่โครงการ “ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ” ขณะนี้มียอดขายแล้ว 3 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างเจรจาเรื่องแบบบ้านกับลูกค้าอีก 6 ราย รวมมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียม “ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” มีกำหนดสร้างเสร็จในเดือนตุลาคมนี้ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 93% มีสินค้าคงเหลือขายอีก 500 ล้านบาท จำนวน 22 ยูนิต และโครงการ “ดิ เอส สุขุมวิท 36” ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70% กำหนดสร้างเสร็จในปี63
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขายในพอร์ต 5 โครงการ มูลค่ารวม 24,300 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) มูลค่า 11,000 ล้านบาท โดยในปีนี้จะบันทึกเป็นรายได้สูงถึง 9,000 ล้านบาท.