ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 17-18 พ.ย.2564
“ตกไปตามความคาดหมายสำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่เสนอโดย “พริษฐ์ วัชรสินธุ์” แกนนำกลุ่มรีโซลูชั่น ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 1.35 แสนรายชื่อ ด้วยคะแนน รับหลักการ 206 เสียง ไม่รับหลักการ 473 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง ในนี้มี ส.ว.ที่แสดงสปิริต โหวตรับหลักการ 3 คน ประกอบด้วย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, พิศาล มาณวัฒน์, มณเฑียร บุญตัน ซึ่งถือเป็นส่วนน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวน ส.ว.ที่มาอยู่ในสภาถึง 250 คน”
เรื่องที่ 496 ส่วนการลงมติของ ส.ส.เป็นไปตามมติของพรรค โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ต่างรับหลักการ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ล้วนไม่เอาด้วย
แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับภาคประชาชน จะไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา (ส.ส.-ส.ว.) แต่ก็ทำให้เราได้เห็นข้อเสนอใหม่ๆ สร้างสรรค์และมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง
ข้อเสนอการล้ม ส.ว.แล้วใช้สภาเดี่ยวอาจฟังดูเป็นการล้มล้าง รื้อถอน โดยไม่ประนีประนอม แต่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสน ใจ เพราะโดยหลักการของการมี ส.ว.นั้น เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาล เมื่อ ส.ว.แต่งตั้งไม่ตอบโจทย์ ส่วน ส.ว.เลือกตั้ง ก็จะเจอกับข้อครหาสภาผัว สภาเมีย ไม่สามารถตรวจสอบรัฐสภาได้เช่นกัน การไม่มี ส.ว.ก็ไม่ได้ทำให้ระบบการเมืองเสียงหาย เพราะที่มีอยู่นี้ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าการที่มีเลย
เรื่องที่ 497 การเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง “ณัฐพล รังสิตพล” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) รับนโยบายเร่งด่วน จาก รมว. “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เร่งติดตามเพื่อช่วยเหลือประชาชน และหามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น หลังจากมีการประเมินความเสียหายพบว่า กลุ่มสถานประ กอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย มีจำนวนกว่า 700 กิจการซึ่งขณะนี้ต้องการ ความช่วยเหลือ 4 ด้าน ได้แก่ 1.เงินทุนฟื้นฟูกิจการ 2.วัตถุดิบในการผลิต 3.การพักชำระหนี้ และ4.ซ่อมแซม ปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องจักร
“ณัฐพล รังสิตพล” อธิบดี กสอ. ก็ไม่รอช้าดำเนินการออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือทันที โดยการแจก “ถุงปันน้ำใจ” ให้กับประชาชน และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ ด้วยมาตรการฟื้นฟู ผู้ประกอบการ หลังน้ำลด ทั้งการ ผ่อนผันชำระหนี้ เพิ่มสิทธิกู้เงินเพิ่มเติม และกู้เงินเป็นกรณีพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหม่ โดยวางกรอบวงเงินการช่วยเหลือกว่า 20 ล้านบาท พร้อมจัดทีมผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษา ปัญหาธุรกิจอุตสาหกรรม เรียกว่าช่วยกันเต็มที่และยังมีทีมช่างอาชีวะ จากสถาบันการศึกษาเข้าไปช่วยการซ่อมรถจักรยานยนต์อีกด้วย ผู้ประกอบการท่านได้ต้องการความช่วยเหลือ สายตรง ได้เลย ที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
เรื่องที่ 498 ค้านแล้วค้านอีกก็ไม่เป็นผล สุดท้าย 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายได้ยื่นหนังสือลาออก จากกรรมาธิการวิสามัญ แก้ไข พ.ร.บ.อ้อยฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “สิริวุทธิ์ เสียมภักดี” ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย บอก การลาออกในครั้งนี้เพื่อแสดงจุดยืน คัดค้านการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ในมาตรา 4 ที่เสนอให้กากอ้อยและกากตะกอนกรองเป็นผลพลอยจากการผลิตน้ำตาล เพื่อนำไปคำนวณในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ผ่านความเห็นชอบ
“สิริวุทธิ์ เสียมภักดี” ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาได้ร้องขอให้มีตัวแทนภาคโรงงานซึ่งถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับร่างกฎ หมายฉบับดังกล่าว ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการด้วย แต่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษา ไม่มีสิทฺธิออกเสียงในคณะกรรมาธิการได้ และเมื่อมีมติผ่านความเห็นชอบในมาตรา 4 โดยไม่ได้รับฟังความเห็นของฝ่ายโรงงาน จึงทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางสมาคมฯ จึงตัดสินใจลาออกเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว จับตากันดีๆ งานนี้ถ้าจะยาว
เรื่องที่ 499 ถามอะไรตอบได้หมด ต้องยกนิ้วให้ “คุณอา” หรือ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ส่วนตอบได้ถูกใจคนถามและเป็นประเด็นหรือไม่ ไปฟังคำตอบกัน เช่น กระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนให้การบินไทยหรือไม่ “คุณอา” ตอบการเพิ่มทุน หรือการแปลงหนี้เป็นทุนในบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)ไปหารือกับที่ปรึกษาการเงิน เพื่อดูต้นแบบการแปลงหนี้เป็นทุน เพราะมีหลาก หลายรูปแบบ และเรื่องการบินไทยไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ คือประเด็นที่แรก
เรื่องที่สองคือ ราคาน้ำมันในบ้านเรา จะตรึงไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไม่ใช่ 25 บาทต่อลิตร ดังนั้น การพิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมันต้องทำหลังสุด หลังจากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะหมดแล้วค่อยว่า กันไหม่ เรื่องที่ สาม ค่าเงินบาทมีทั้งขึ้นและลง เงินบาทแข็งผู้นำเข้าดีใจ เงินบาทอ่อนผู้ส่งออกดีใจ สรุปเข้าใจตามนี้ จบข่าว…
สุดท้าย เรื่องที่ 500 เห็นเศรษฐกิจไทยพัง จนเหลือแต่กางเกงใน เพราะเงินในกระเป๋าหมด ก็เพิ่งทราบจาก “วิชัย วิรัตกพันธ์ “ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แต่มาเอาดีทางด้านรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยความจริงว่า การปล่อยสินเชื่ออสังหา ปีนี้ ที่อยู่ในระดับ 600,000 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยหรือราว 0.4% จากปีก่อน ฟังแล้วมันสวนความรู้สึกพิลึกๆ เพราะจีดีพีปีที่แล้ว ติดลบ 6.1% ปีนี้ สภาพัฒน์คาดว่า จะบวกประมาณ 1% แต่ยอดการปล่อยสินเชื่อบ้านกลับลดลงเพียงเล็กน้อย ทำนักข่าวงงเป็นไก่ตาแตก จึงต้องยิงคำถามว่า เกิดอะไรขึ้น
“วิชัย” บอกว่า สินเชื่อแบงก์ที่ปล่อยกู้บ้านปีนี้ ไม่ได้สะท้อนความจริงว่า สินเชื่อบ้านจะดีขึ้น เพราะในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อที่มาจากการรีไฟแนนซ์ 10% ขณะที่ มียอดการปฏิเสธสินเชื่อที่ภาคเอกชนระบุว่า สูงถึง 60% ก็ไม่ชัดเจน เพราะธนาคารและผู้ประกอบการจะขอดูรายได้ของผู้กู้ก่อนที่จะยื่นเรื่องกู้ การถูกปฏิเสธสินเชื่ออาจมีการมากกว่านั้น ขอจบข่าวเพียงเท่านี้