กำชับ “บีโอไอ”เร่งส่งเสริมลงทุนท้องถิ่น ครึ่งแรกปี 62
รองนายกรัฐมนตรี กำชับ บีโอไอ เร่งส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น ช่วงครึ่งแรกปี 62 พร้อมปัดฝุ่นโครงการบ้านบีโอไอ ด้าน กอบศักดิ์ ระบุ แผน ลงทุน EEC กรณี รถไฟ สนามบิน ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนมีการเลือกตั้ง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง มอบนโยบายการทำงานให้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า รัฐบาลยังมีเวลาทำงานถึงเดือนพฤษภาคมภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน แต่ยังเชื่อมั่นว่า ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น จึงจำเป็นต้องเดินหน้าทำงานในช่วงครึ่งปีแรกอย่างเต็มที่ โดยได้มอบนโยบายให้บีโอไอ เตรียมมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สร้างความเท่าเทียม ลดความเลื่อมล้ำ สร้างความเจริญและพัฒนาท้องถิ่นให้มากขึ้น โดยหากผู้ประกอบการรายใดเข้าไปลงทุนให้ท้องถิ่น เน้นภาคเกษตร สร้างวิสาหกิจชุมชน สร้างอุตสาหกรรมท้องถิ่น รวมถึงระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงเมืองรอง หรือ ภาคธุรกิจที่ลงทุนด้านท่องเที่ยวเมืองรอง หรือการศึกษาในท้องถิ่น ก็ให้ทางบีโอไอให้สิทธิประโยชน์มากเป็นพิเศษ
และให้บีโอไอจัดทำโครงการส่งเสริมการลงทุน เชื่อมต่อเศรษฐกิจภาคใต้จากฝั่งอันดามันสู่อ่าวไทยใน 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนอง พร้อมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเน้นเรื่องการส่งเสริมสตาร์ทอัพ
ปัจจุบันสัดส่วนของเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยวต่อจีดีพีขยายตัวได้ถึง 15% จึงอยากเห็นการพัฒนาเศรษฐกิจโดยให้การท่องเที่ยวและบริการเป็นศูนย์กลาง เชื่อว่า การลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในด้านอื่นๆจะตามมา จึงอยากให้มีการเน้นการส่งเสริมไปยังระดับท้องถิ่น แหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีการจ้างงาน อุตสาหกรรมการผลิตและตลาดสินค้าด้วย
นอกจากนี้ มอบหมายให้ทางบีโอไอ จัดทำโครงการบ้านบีโอไอที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ที่เคยดำเนินการมาแล้วเมื่อปี 2535 โดยปรับหลักเกณฑ์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์สามารถลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกได้ แต่บีโอไอต้องมีเงื่อนไขและมาตรฐานที่ควบคุมคุณภาพไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค
และในช่วงปลายเดือนนี้เตรียมเดินทางโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยรอบนี้ตั้งใจจะไปดูงานที่เมืองคันไซ จึงฝากให้บีโอไอเตรียมความพร้อมไว้ด้วย พร้อมทั้ง มอบหมายให้ทางบีโอไอจัดเตรียมงานสัมมนาประจำปีของบีโอไอให้มีการสานต่องานจากปีที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น
ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์ เตรียมลงนามกับรัฐบาลฮ่องกง หลังฮ่องกงมีแผนที่จะเปิดสำนักงานเศรษฐกิจและการค้า (ETO) ในประเทศไทย โดยมอบหมายให้บีโอไอเตรียมคณะที่จะเดินทางไปลงนาม ซึ่งตนเองก็เตรียมการหารือกับผู้ว่าฮ่องกง เพื่อหารือถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้วย
สำหรับกรณีที่จีนและญี่ปุ่นมีการประชุมร่วมกันและตัดสินใจที่จะไม่แข่งขันทางการค้าที่ไม่สร้างสรรค์ และมองหาประเทศที่ 3 ที่จะลงทุน โดยให้ความสนใจประเทศไทยเป็นประเทศแรก ซึ่งในเรื่องนี้ นายสมคิด กล่าวว่า จากผลการหารือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ทางเจโทรพร้อมเป็นตัวกลาง ในการนำนักลงทุนทั้งจีนและญี่ปุ่นมาประชุมร่วมกันครั้งแรกที่ประเทศไทย จึงฝากให้ทางบีโอไอได้มีการเตรียมการในเรื่องนี้ให้ดี
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีที่ประเทศไทยจะมีการจัดการเลือกตั้งนั้นมีผลทั้งบวกและลบ โดยมีปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซีที่ต้องดำเนินการให้ได้ก่อนมีการเลือกตั้งตามแผนงานที่กำหนด เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ให้มีความสนใจที่จะย้ายฐานเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จากทั้งนักลงทุนในจีนและสหรัฐ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องกำแพงภาษีที่จะส่งออกสินค้าไปจีนและสหรัฐ ทำให้ไทยเนื้อหอมขึ้นมา