สรุปข่าวประจำ วันที่ 23 ตุลาคม 2564
ดาวนโจนส์ขึ้น : ตลาดหุ้นสำคัญของโลก ปิดทำการซื้อขายเมื่อช่วงเช้า 23 ต.ค.ตามเวลาไทย ดาวโจนส์ปรับตัว +73.94 จุด (+0.21%) ปิดที่ 35,677.02 จุด ต่างจากเอสแอนด์พีที่ปรับตัวลดลง -4.88 (-0. 11%) ปิดที่ 4,544.90 จุด เช่นเดียวกับแนสแดค -125.50 จุด (-0.82%) ปิดที่ 15,090.20 จุด ด้านนิเคอิ ปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้ +96.27 (+0.34%) ปิดที่ 28,804.85 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นไทย หยุดทำการ 1 วัน เนื่องจากชดเชยวันปิยะมหาราช.
น้ำมันขึ้นได้อีก : สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือน พ.ย.64 ปิดเพิ่มขึ้น +1.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (+1.79%) โดยปิดที่ 83.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ส่งมอบ เดือน ธ.ค.64 ปิด +1.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (+1.31%) โดยปิดที่ 85.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในไทย ทาง 2 ค่ายใหญ่ ได้ประกาศปรับราคาน้ำมันเบนซิลและแกสโซฮอลล์ขึ้นอีกลิตรละ 40 ส.ต. มีผลเมื่อช่วงเข้า 23 ต.ค.นี้.
ทองคำขยับขึ้น : ปิดตลาดราคาทองคำ Spot ดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น +9.47ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.53%) ปิดที่ 1,792.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสมาคมค้าทองคำประกาศเปลี่ยนแปลงราคาทองคำตลอดวัน 3 ครั้ง โดยมีราคาเปิดเพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 50 จากนั้น ราคาก็ผันผวนลงขึ้นและลงตลอดทั้งวัน กระทั่งช่วงปิดตลาด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันก่อน 50 บาท กำหนดราคาซื้อทองคำแท่ง บาทละ 28,150 ขาย 28,250 บาท ขณะที่ราคาซื้อทองคำรูปพรรณ 27,636.68 บาท และ 28,750 บาท
ปิดทำการ : ธนาคารแห่งประเทศไทย ปิดทำการ 1 วัน เนื่องจากเป็นวันหยุดชดเชย 23 ต.ค.นี้ โดยคงการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท เมื่อ 21 ต.ค. ไว้ที่ 33.377 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
แนะบูมอีสาน : นายทักษิณ ชินวัตร หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” ระบุตอนหนึ่งในรายการ แคร์ ทอล์ก ภาคพิเศษ “ปั้นข้าวเหนียว เคี่ยวความคิด พรุ่งนี้เพื่อชีวิตคนอีสาน” เสนอให้รัฐบาลเน้นการกระจายความเจริญ ด้วยการนำทุนและการสร้างจ้างงานไปยังต่างจังหวัดแทนจะกระจุกอยู่แต่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากต่างจังหวัดมีศักยภาพมากพอจะพัฒนาได้ โดยเฉพาะโซนภาคอีสาน มีคนดังหลายคนมาจากถิ่น เช่น ลิซ่า แบล็กพิงค์ หรือนักมวยและดารานักแสดงชื่อดังอีกหลายคน พูดได้ว่าทุนทรัพยากรมนุษย์คนอีสานมีเยอะมาก
โพลยังไม่เสร็จ : นายวิรัช รัตนเศรษฐ รอง หน.พรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่าพรรคฯได้ทำการจัดทำโพลวัดความนิยม ส.ส.ของพรรคจริง และทำทุกภาค แต่ผลยังไม่ออกมา และไม่ทราบว่าผลจะออกมาเมื่อไหร่ และถึงผลออกมาก็ไม่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ เพราะเป็นความลับภายในพรรค ดังนั้น ที่มีข่าวระบุว่ามี ส.ส.ภาคใต้ผ่านเพียง 4 จากทั้งหมด 14 คนนั้น ไม่รู้ว่าข่าวออกมาได้อย่างไร ตอนนี้เลขาธิการพรรคยังไม่ได้มีการรายงานผล และหากทำโพลเสร็จ จะเสนอให้หัวหน้าพรรคฯพิจารณาอีกที ทั้งนี้ หากจะมี ส.ส. ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ครั้งนี้ ยังมีโอกาสแก้ตัว เพราะหลังจากนี้อาจจะต้องทำโพลนี้อีกหลายรอบ
แชร์ ‘ข่าวปลอม’ : น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ ระบุ มีผู้ใช้ไลน์ในไทยไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคน จึงน่าเป็นห่วงว่า ผู้ไม่หวังดีจะหันมาใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้เพื่อกระจายข่าวปลอม จนอาจสร้างความตื่นตระหนักในวงกว้างและแพร่กระจายความเสียหาย จากสรุปผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมช่วง 15-21 ต.ค.โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบข้อความที่เข้ามา 11,564,020 ข้อความ โดยจากการคัดกรองมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 217 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 114 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นข่าวเกี่ยวกับโควิดฯ 49 เรื่อง โดยช่องทางหลักที่พบข้อความที่ต้องคัดกรองและตรวจสอบอันดับ 1 ยังมาจากระบบ social listening มากกว่า 90%
ข้าวไทยกลับมาบูม : นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุ ยอดคำสั่งซื้อข้าวไทยเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติการส่งออกข้าวไทยกลับมาขยายตัวเป็นบวกตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค.2564 ที่มีอัตราการขยายตัว 25.27% คาดว่าการส่งออกข้าวไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะยังขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 7 แสนตัน เนื่องจากข้าวไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะในจีน มั่นใจทั้งปียอดส่งออกทำได้ตามเป้า 6 ล้านตัน
เชือดแท็กซี่แพง : กรมขนส่งทางบกเร่งตรวจสอบกรณีที่รถแท็กซี่ ถูกระบุในโลกโซเชียลว่าได้เรียกเก็บเงินค่าโดยสารจากสถานีขนส่งหมอชิตไปห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จากผู้โดยสารเป็นเงิน 760 บาท โดยกองตรวจการขนส่งทางบก ตรวจสอบแล้วพบว่า รถแท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน 1 มข – 9919 กท.ผู้ครอบครอง ชื่อ นายธนกฤต ศรีชนะภาษี จากการสอบสวน ได้ให้ยอมรับสารภาพว่ากระทำตามที่ออกสื่อจริง จึงได้ลงโทษโดยเปรียบเทียบปรับฯ เป็นเงิน 2,000 บาบ, พักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 1 เดือน,ให้เข้ารับการอบรมเสริมความรู้และปลูกจิตสำนึกการให้บริการที่ดีแก่ผู้โดยสาร และคืนเงินส่วนที่เกินให้กับผู้โดยสาร