ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่ 81-87 เหรียญ/บาร์เรล
ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 78-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่กรอบ 81-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
รายงานจาก บมจ.ไทยออยล์เผย แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ สัปดาห์นี้ (18 – 22 ต.ค. 64) คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 78-84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 81-87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่อง หลังวิกฤตพลังงานขาดแคลนทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปและจีน ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอยู่ในระดับสูง รวมถึงความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศเริ่มเปิดการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ อุปทานการผลิตน้ำมันดิบจากโอเปกและผู้ผลิตนอกโอเปก เพิ่มขึ้นในระดับจำกัด ส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบตึงตัว
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกลับมาสู่ระดับก่อนเกิด Hurricane แล้ว ประกอบกับ สถานการณ์เงินเฟ้อและราคาพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลกดดันให้สหรัฐฯ อาจจะต้องมีการออกนโยบายที่จะสกัดราคาน้ำมันให้ปรับลดลง
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (11 – 15 ต.ค. 64)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 2.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 82.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 2.47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 84.86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 83.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าและในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากแถลงการณ์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่ยังไม่ได้มีแผนที่ชัดเจนในการสกัดราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจาก ปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้ปรับตัวลดลงในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในประเทศ