บริษัทอินเดีย_จีนบุกตลาดยาญี่ปุ่น
2 บริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ในเอเชียมีแผนจะแนะนำผลิตภัณฑ์ยาตัวใหม่เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสมดุลของอิทธิพลในอุตสาหกรรมยาครั้งใหญ่
Sun Pharmaceutical Industries ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยารายใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีแผนจะยื่นขอใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเพื่อผลิตและขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ Luye Life Science Group ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนก็กำลังยื่นขอใบอนุญาตสำหรับการทดลองทางคลินิกเฟสแรกเกี่ยวกับการรักษาความเจ็บป่วยทางจิต ซึ่งอาจจะเริ่มขึ้นในปีหน้า
ความเคลื่อนไหวของทั้งสองบริษัทเป็นสัญญาณวิวัฒนาการครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมยา ที่ผ่านมา บริษัทในญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรปมักเป็นผู้นำในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยาใหม่ๆ ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆในเอเชียมักเป็นผู้ตาม แต่ในปัจจุบัน พวกเขาได้สร้างเทคโนโลยีและเครือข่ายการขายขึ้น โดย Sun Pharmaceutical และ Luye Life กำลังมุ่งเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นด้วยผลิตภัณฑ์ยาที่พวกเขาผลิตขึ้นเอง
ยาใหม่ของ Sun Pharmaceutical เป็นยาแก้โรคสะเก็ดเงิน ถึงแม้แต่เดิมแล้ว ยาตัวนี้เคยถูกพัฒนาขึ้นมาโดยบริษัทยาในสหรัฐฯ คือ Merck แต่บริษัทของอินเดียได้เข้าเทคโอเวอร์การทดสอบทางคลินิกของ Merck ในปี 2557
ในญี่ปุ่น การทดลองทางคลินิกเสร็จสมบูรณ์ในปี 2559 และคาดการณ์ว่าจะเริ่มขายได้ในปี 2562 หรือหลังจากนั้น
โดย Sun Pharmaceutical ยังได้ดำเนินการยื่นขอใบอนุญาตในการผลิตและการขายในยุโรปและสหรัฐฯ ที่ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็นตลาดยาเป้าหมายหลักในปีหน้า
ทาง Luye Life กำลังพิจารณาว่าจะยื่นขอใบอนุญาตสำหรับการทดลองยาหลายชนิดในญี่ปุ่น ทั้งยาแก้อาการซึมเศร้าและการบำบัดรักษาโรคจิตเภท โดยบริษัทคุยว่า บริษัทมีพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนายาเพื่อใช้ในการจัดการกับยาฉีดและยาทา
Sun Pharmaceutical เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกจากยอดขายยาทั่วไป ซึ่งทำจากวัตถุดิบที่สิทธิบัตรยาหมดอายุ ในแต่ละปี บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 144,452 ล้านบาท จากยอดขายยาประเภทนี้ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับการผลิตที่มีราคาต่ำในอินเดีย ซึ่งทำได้ครึ่งหนึ่งของยอดขายในสหรัฐฯ
ปัจจุบัน ผู้ผลิตยาของอินเดียรายนี้ตั้งเป้าที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากการพัฒนายาตัวใหม่ๆ
ทั้งนี้ ตลาดยาของญี่ปุ่นมีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 90,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.95 ล้านล้านบาท) ในปี 2559 ทำให้เป็นตลาดยาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐฯและจีน โดยตัวเลขนี้มากกว่าเป็น 2 เท่าของตลาดเยอรมนีและฝรั่งเศส อ้างอิงจาก IQVIA ซึ่งเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยีด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ.