ธอส.ยกทีมฯให้คำปรึกษา 7 ม. ช่วยเหยื่อน้ำท่วม พ่วงมอบถุงยังชีพที่อยุธยา
“ปธ.ยุทธนา” นำทีมบอร์ดและผู้บริหาร ธอส. มอบถุงยังชีพ 300 ชุดให้ชาวบ้ายย่านวัดสะตือ อยุธยา พร้อมจัดทีมลงพื้นที่เปิด “จุดบริการพิเศษ” ให้คำปรึกษาแนวทางช่วยเหลือผ่าน 7 มาตรการตามโครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติฯ วงเงิน 100 ล้านบาท เปิดทางให้เหยื่อน้ำท่วมทุกพื้นที่ “กู้เพิ่ม/กู้ใหม่ ประนอมหนี้ ปลอดหนี้ และเร่งจ่ายสินไหมทดแทน” (ชมภาพบรรยากาศการลงพื้นที่)
นายยุทธนา หยิมการุณ ปธ.กก. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการดำเนินงานตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้รัฐมนตรี รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันลงพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน ว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องผ่าน “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564”
โดยวันที่ 14 ต.ค.2564 ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานของธนาคารฯ นำโดย นายฉัตรชัย ศิริไล กก.ผจก. ธอส. ได้ลงพื้นที่มองถุงยังชีพจำนวน 300 ชุด ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.อยุธยา บริเวณวัดสะตือ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และยังได้รับฟังความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย
รวมถึงให้คำแนะนำแนวทางความช่วยเหลือของธนาคารฯทั้ง 7 มาตรการ ตาม “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติฯ” กรอบวงเงินรวม 100 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการลดดอกเบี้ย ให้กู้เพิ่ม/กู้ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ มาตรการประนอมหนี้ ปลอดหนี้ และพิจารณาสินไหมเร่งด่วนให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับทราบ โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารฯเปิดจุดบริการพิเศษ เพื่อรับคำขอเข้ามาตรการและให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
“ธนาคารอาคารส่งเคราะห์ยืนยันว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทักภัยในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง” ปธ.กก.ธอส. ย้ำและว่า
นับแต่ช่วงกลางเดือน ก.ย.ถึงปัจจุบัน ธนาคารฯได้ส่งมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยมาแล้วกว่า 3,000 ชุด ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 13 จ. สอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) ของธนาคารฯ ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป.