คลังลดภาษีแวต 5% ย้ำ “ไม่หาเสียง”
คลังชงมาตรการคืนภาษีแวต 5% จาก 7% ให้แก่ประชาชนทั่วไปที่ใช้บัตรเดบิต เริ่ม 1-15 ก.พ.นี้ คาดสูญรายได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท
“เราไม่ได้หาเสียงจากประชาชน เนื่องจากมาตรการที่จะออกในเดือนก.พ.นี้ อยู่ในแผนงานที่วางไว้นานแล้ว” นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2561 หลังจากเสร็จพิธีเปิดสำนักงานตัวแทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.
มาตรการใหม่ จะออกมาประมาณเดือนก.พ. ซึ่งวางแผนว่า จะใกล้กับตรุษจีน โดยประชาชนทุกคนจะได้รับผลประโยชน์จากมาตรการ และยังต่อเนื่องจากการช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งประเทศ และโครงการช็อปช่วยชาติ รมว.คลัง กล่าวและกล่าวว่า
มาตรการใหม่ที่จะเสนอคือ ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 7% กระทรวงการคลังคืนให้ 5% เก็บเอาไว้เพียง 2% ในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ.ปีหน้า โดยจะคืนให้หลังสิ้นเดือนก.พ.ไปอีก 15 วัน หรือวันที่ 15 มี.ค. โดยประชาชนที่ใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตเท่านั้น ที่จะได้รับโยชน์ซึ่งในช่วงดังกล่าว หากใช้จ่ายเงิน 20,000 บาท จะได้ภาษีคืน 1,000 บาท หรือ5% ผ่านระบบพร้อมเพทย์ เหลือกับการคืนภาษีของกรมสรรพากร
“โครงการนี้ ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อ และขอยืนยันว่า เป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง (ซีรีย์) ของมาตรการ e-paymant ที่กระทรวงการคลังพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมกังวลว่า หากไม่มีการกระตุ้นเรื่องดังกล่าว หากรัฐบาลใหม่ไม่ดำเนินการต่อโครงการนี้ จะล้มเหลว”
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการช่วยประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแล้วจำนวน 14.5 ล้านคน ในเรื่องการคืนภาษีแวต ซึ่งเริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบบ e-payment ได้แยกแยะข้อมูลของประชาชนที่ซื้อสินค้าและได้รับคืนแวตเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลัง จึงนำโครงการนี้ มาใช้กับประชาชนทั่วไป และเปิดวงกว้างไม่ได้จำกัดว่า เป็นคนรวยหรือคนที่มีรายได้น้อย เพียงแต่ใช้บัตรเดบิตในการซื้อของภายในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท จะได้รับคืนภาษี 1,000 บาท
“ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์ มีประชาชนสมัครใช้อยู่ประมาณ 45 ล้านบัญชี ซึ่งเกือบครอบคลุมประชาชนทั้งประเทศแล้ว แต่เราต้องการเพิ่มการใช้จ่ายพร้อมเพย์ เพื่อให้สามารถเชื่อมกับกรมสรรพากร เพื่อนำไปสู่ e-tex”
ส่วนประชาชนที่ยังไม่มีบัตรเดบิตนั้น ปัจจุบันบัตรเดบิตก็ใช้ร่วมกับเอทีเอ็มได้แล้ว แต่หากยังไม้ได้เปิดบัตรเดบิตก็สามารถทำบริการเสริมได้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่กระทรวงการคลังจะขอธนาคารพาณิชย์ได้คิดค่าบริการ เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้จ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรกนิส์
ส่วนมาตรการช็อปช่วยชาตินั้น คาดว่า จะเข้าสู่การพิจารณา ครม.วันที่ 4 ธ.ค.นี้ และมีผลบังคับระหว่างวันที่ 15 ธ.ค.จนถึงวันที่ 15 ม.ค.62 โดยมีสินค้า 3 รายการที่เข้าร่วมมาตรการ ประกอบด้วย1.ล้อยางรถยนต์ 2.หนังสือและe- book และ3.สินค้าโอทอป นำมาลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท โดยในปีนี้ ประชาชนที่ซื้อสินค้าจากโอทอปไม่จำเป็นต้องใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ เพียงแต่ใช้บิลเงินสดและร้านค้าโอทอปต้องขึ้นทะเบียนสินค้าโอทอปกับกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น โดยยืนยันว่า มาตรการนี้ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ.