ตึกแพงสุดในฮ่องกงขายทุบสถิติ 5 พันล้าน
ตึกสูงระฟ้าแลนด์มาร์กของนายลีกาชิง เศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกง ขายไปในราคามากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าเป็นราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีทางบริษัทเป็นผู้ให้การยืนยันเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในย่านโด่งดังของตัวเมืองไม่มีวี่แววที่ราคาจะลดลงเลย
มีการลือกันว่าเริ่มมีรายงานการขายตึก The Center ครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน ซึ่งตึกดังกล่าว ถือเป็นตึกที่สูงสุดเป็นอันดับ 5 ของเมืองฮ่องกง โดยมีทั้งหมด 73 ชั้น และตั้งอยู่ย่านพลุกพล่านใจกลางเมืองฮ่องกง
บริษัท CK Asset Holdings ของนายลีได้ยืนยันผ่านการแถลงการณ์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า การขายหุ้นอสังหาฯของตึกดังกล่าว มีราคาสูงมากกว่า 5,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 171,392 ล้านบาทโดยอ้างอิงจากบลูมเบิร์กว่า เป็นการขายหุ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับอาคารสำนักงานในฮ่องกง
ในแถลงการณ์ได้ระบุชื่อผู้ซื้อตึกดังกล่าวไว้ว่า C.H.M.T. Peaceful Development Asia Property Limited,incorporated ซึ่งทำการจดทะเบียนบริษัทที่หมู่เกาะ British Virgin Islands
ทางบริษัท CK Asset เอ่ยถึงบริษัทผู้เข้าซื้อว่า ทางบริษัทนั้นถือเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ ซึ่งสร้างมาเพื่อดำเนินการเข้าซื้อกิจการต่าง ๆ โดยเฉพาะ
สำนักข่าวในจีนรายงานว่า สำหรับสมาคมผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือ China Energy Reserve and Chemicals Group ซึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง
ราคาของอาคารสำหรับการพาณิชย์และอาคารสำหรับพักอาศัยในฮ่องกง ถูกผลักดันให้สูงขึ้นด้วยเงินจากนักลงทุนและนักพัฒนาในจีนแผ่นดินใหญ่ที่หลั่งไหลเข้ามาในฮ่องกง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กลายเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นกลับเป็นตัวสร้างประเด็นทางการเมือง หลังฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่แพงที่สุดในโลกเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ไม่มีท่าทีจะลดลง ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ ต้องปิดตัวลง เนื่องจากค่าเช่าที่ซึ่งแพงเกินเอื้อม ในขณะเดียวกันผู้คนส่วนมากก็ไม่สามารถซื้อหรือเช่าบ้านของพวกเขาเองได้
นายลีซึ่งมีชื่อเล่นว่า ซุปเปอร์แมน เนื่องมาจากความสามารถด้านธุรกิจที่หลักแหลมและเฉียบคมของเขา เป็นเจ้าของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างชีวิตเมืองฮ่องกง นับตั้งแต่บริการอินเทอร์เน็ตไปจนถึงเชนซุปเปอร์มาร์เก็ต
โดยนายลีจะมีอายุ 90 ปี ในปีหน้า และเมื่อต้นปี 58 เขาได้เป็นผู้ประกาศให้ทำการชำระและปฏิรูปธุรกิจของเขา โดยเขาต้องการจะสร้างความปลอดภัยให้กับเสถียรภาพของบริษัททั้งหมดภายใต้การดูแลของเขาในอนาคต.