โตชิบาขายธุรกิจชิป 18,000 ล้าน
บริษัทโตชิบาประกาศดีลการขายธุรกิจผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับ Bain Capital ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทนอกตลาด เพื่อพลิกฟื้นบริษัทให้อยู่รอดต่อไป
โดยดีลการซื้อขายมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( ประมาณ 599,760 ล้านบาท) จะครอบคลุมมูลค่าการขาดทุนของธุรกิจนิวเคลียร์ของโตชิบา บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นแห่งนี้เกือบถูกคัดชื่อออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในปีนี้ หลังจากมีการประกาศผลประกอบการทางการเงินที่ล่าช้าไปมาก บริษัทยืนยันว่า หากดีลธุรกิจนี้ได้รับการอนุมัติ ก็จะยังคงสถานะอยู่ในตลาดหุ้นต่อไปได้
ทั้งนี้ โตชิบาเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปอันดับ 2 ของโลก และธุรกิจส่วนผลิตเมมโมรีชิปทำรายได้ประมาณ 1 ใน 4 ของรายได้ของบริษัททั้งหมด
แหล่งข่าวให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่า กลุ่มบริษัทผู้ซื้อที่มี Bain Capital เป็นหุ้นส่วนใหญ่ จะประกอบด้วยโตชิบา , Hoya Corp ของญี่ปุ่น, บริษัทผู้ผลิตชิป SK Hynix ของเกาหลีใต้, ผู้ซื้อชิปของโตชิบาจากสหรัฐฯ เช่น แอปเปิล และเดล , บริษัทผู้ผลิตเมมโมรี Kingston Tech และบริษัทจัดเก็บข้อมูล Seagate Technology
โตชิบาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องทำข้อตกลงซื้อขายให้สำเร็จโดยเร็ว เนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องแสดงงบดุลภายในสิ้นปีงบประมาณในเดือนมี.ค.ปีหน้า
ก่อนหน้านี้ สื่อรอยเตอร์รายงานว่า โตชิบาอาจตัดสินใจขายธุกิจผลิตชิปให้กับบริษัทร่วมลงทุน Western Digital แต่การเจรจาไม่ลงตัว
อ้างอิงจากแถลงการณ์ บริษัทกล่าวว่าการขายธุรกิจผลิตชิปของโตชิบาจะช่วยหนุนฐานะทางการเงินของบริษัทได้ถึง 740,000 ล้านเยนหลังจากจ่ายภาษีแล้ว ซึ่งจะช่วยผลักดันให้หุ้นออกจากแดนลบ และยังคงอยู่ในตลาดหุ้นได้ต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โตชิบาแถลงว่า ได้ทำบันทึกความเข้าใจที่ไม่มีผลผูกมัดกับ Bain Capital เพื่อเจรจาในข้อตกลงที่สร้างความพอใจทั้งสองฝ่ายสำหรับการขายธุรกิจผลิตชิปภายในเดือน ก.ย.นี้
ที่ผ่านมา บริษัทขาดทุนอย่างหนักจากธุรกิจนิวเคลียร์ Westinghouse ในสหรัฐฯ จนต้องยื่นขอล้มละลาย โดยธุรกิจนิวเคลียร์ที่โตชิบาซื้อมาในปี 2549 ต้องประสบปัญหาจากค่าใช้จ่ายในการดูแลเครื่องปฏิกรณ์และดีมานด์ทั่วโลกที่หดตัวลงอย่างมากจากการเสื่อมความนิยมของพลังงานนิวเคลียร์ หลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฟุกุชิมาพังเสียหายจากแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นในปี 2554
ทำให้ถูกมองว่าเป็นพลังงานที่มีความอันตรายและอาจสร้างหายนะได้สูงสุด หากเกิดภัยพิบัติขึ้นอีก
ปัญหานี้ทำให้โตชิบาต้องแสดงผลประกอบการทางการเงินล่าช้าในเดือนพ.ค. เนื่องจากต้องดิ้นรนให้ผู้ตรวจสอบบัญชีเซ็นอนุมัติ
สุดท้ายแล้ว บริษัทก็ได้เผยแพร่ผลประกอบการต่อสาธารณะในเดือนส.ค. โดยรายงานว่า มีการขาดทุนจำนวน 8,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับปีงบประมาณล่าสุด.