สนพ. เผย ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สนพ. เผย ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังตลาดในประเทศจีนและประเทศอเมริกามีความต้องการซื้อสูง
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพว่า ราคาน้ำมันไบโอดีเซลอ้างอิงเฉลี่ย ระหว่างวันที่ 14 – 20 มิ.ย. 64 อยู่ที่ 38.18 บาทต่อลิตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.20 บาทต่อลิตร จากสัปดาห์ก่อน จากสถานการณ์ราคาผลปาล์มน้ำมันระหว่างวันที่ 7 – 13 มิถุนายน 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 5.70 – 7.00 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 34.50 – 35.75 บาทต่อกิโลกรัม เป็นช่วงที่มีผลผลิตในตลาดตามฤดูกาล
แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 32.80 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากประเทศจีน และประเทศสหรัฐอเมริกามีความต้องการซื้อน้ำมันปาล์มในจำนวนมาก คาดการณ์ว่าจะทำให้ราคาตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้โรงสกัดส่งน้ำมันปาล์มดิบออกไปขายที่ต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ราคาขายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่มากกว่าความต้องการขายในประเทศ ส่วนราคาเอทานอลอ้างอิงในเดือนมิถุนายน อยู่ที่ 25.84 บาทต่อลิตรโดยราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.01 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ณ สิ้นเดือน เมษายน 2564 ประมาณ 194,121 ตัน ส่วนสต็อกน้ำมัน ไบโอดีเซล (B100) ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 เท่ากับ 73.79 ล้านลิตร
นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน มีนโยบายสนับสนุนผลผลิตทางการเกษตร เช่น ปาล์มน้ำมันมาผลิตเป็นไบโอดีเซล อ้อยและมันสำปะหลังมาผลิตเป็นเอทานอลเพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเบนซิน ทำให้ปัจจุบันไทยมีน้ำมันเชื้อเพลิง มีหลากหลายชนิดขึ้น เช่น น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 ,B10 และ B20 และแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95, แก๊สโซฮอล์ E20, แก๊สโซฮอล์ E85 เป็นต้น นอกจาก จะช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรและสร้างรายได้ให้เกษตรกร และทำให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันราคาอ้างอิงในการคำนวณโครงสร้างราคา ณ โรงกลั่นของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ (ไบโอดีเซลและเอทานอล) รวมไปถึงสถานการณ์การผลิต เทคโนโลยีเชื้อเพลิงชีวภาพมีการเปลี่ยนแปลงไป สนพ. จึงอยู่ระหว่างทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อให้ราคาเชื้อเพลิงชีวภาพสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนได้ใช้น้ำมันในราคาถูกลง รวมไปถึงการสร้างรายได้ให้เกษตรกร และสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากได้อีกด้วย