กฟผ.เพิ่มงบอีก 50 ลบ.หนุนรพ.สนาม
กฟผ. เพิ่มงบอีก 50 ล้านบาท เพื่อผลิตและจัดหาอุปกรณ์สำคัญทางการแพทย์ – เครื่องใช้จำเป็น จัดส่งโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ สู้วิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอก 3 ทำให้มีผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 25 จังหวัด เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น กฟผ. ได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มอีกจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการของโรงพยาบาลสนามทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือไปยังโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศก่อน
โดย กฟผ. ได้ทยอยส่งมอบอุปกรณ์และของใช้จำเป็นต่าง ๆ ให้แก่โรงพยาบาลสนามแล้ว จำนวน 5 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น นนทบุรี สุราษฎร์ธานี และสมุทรปราการ
สำหรับงบประมาณ 50 ล้านบาท จะนำไปซื้ออุปกรณ์ในการผลิตตู้ตรวจโควิด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองจำนวนมากได้ รวมถึงผลิตเสากดแอลกอฮอล์เจลแบบเท้าเหยียบ
อีกทั้งยังเตรียมไว้สำหรับจัดหาอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในโรงพยาบาลสนาม ทั้งสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย เช่น หมวกคลุมผม ชุด PPE หน้ากากอนามัย ผ้าห่ม ENGY พัดลม และน้ำดื่ม กฟผ.
นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา กฟผ. ได้จัดสรรงบประมาณเกือบ 200 ล้านบาท เพื่อส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ป้องกันโควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลทั้งสิ้น 247 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงสนับสนุนช่วยเหลือชุมชนและสังคมเพื่อให้กลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็วที่สุด
ในการแพร่ระบาดระลอกนี้ มีโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ ขอรับการสนับสนุนตู้ตรวจโควิดจาก กฟผ. ไปแล้ว จำนวน 450 ตู้ โดยพนักงานจิตอาสา กฟผ. ทั่วประเทศได้เร่งผลิตตู้ดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง และเตรียมพร้อมรองรับความต้องการของโรงพยาบาลสนามอื่น ๆ ที่จะมีเข้ามาอีกในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามที่ต้องการตู้ตรวจโควิดของ กฟผ. สามารถติดต่อได้ที่ ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์และอนามัย กฟผ. โดยส่งอีเมลมาที่ arthit.u@egat.co.th ทั้งนี้การพิจารณาให้การสนับสนุนดังกล่าว กฟผ. จะพิจารณาจัดสรรตามความเหมาะสม เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ปัจจุบันอย่างสุดกำลัง