กว่าจะเป็น “สิระ” จากบุคคลล้มละลาย นอนป้ายรถเมล์
“ผมหมดเป็นร้อยล้าน ไม่ใช่แค่หมดเงิน แต่หมดลูกหมดเมีย หมดทุกอย่าง ผมเคยล้มละลาย ธุรกิจมีปัญหา จนกระทั่งไม่มีที่ซุกหัวนอน นอนตามป้ายรถเมล์”
ถึงวันนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)
ในฐานะ ส.ส.หน้าใหม่สมัยแรก ส.ส.สิระ สร้างความโดนเด่นให้ตัวเองให้การทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ โดยเฉพาะในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สิระ และคู่จิ้นอย่าง ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต่างทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์นายได้อย่างเข้าขา
สิระ เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง เมื่อปี 2554 โดยลงสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครในนามพรรครักษ์สันติ เขต 11 เขตหลักสี่ แต่สอบตก แพ้ให้กับ สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
สิระ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.พ.ศ. 2561 โดยบอกเหตุผลว่า ได้รับอนุญาตจากอดีตพระพุทธะอิสระ ให้มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำงานต่อ เพราะว่ามีอุดมการณ์เดียวกัน
และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้ลงสมัครเป็น ส.ส.กรุงเทพมหานครอีกครั้ง ในนามพรรคพลังประชารัฐ เขต 9 เขตหลักสี่ โดยสิระ ได้ 33,321 คะแนน กลับมาพลิกชนะนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 30,564 คะแนน
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ น้อยคนนักจะรู้ว่า ส.ส.สิระ เคยต้องเป็นบุคคลล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว ต้องนอนป้ายรถเมล์ อาบน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามาแล้ว
ย้อนไปก่อนปี 2540 “สิระ” ในวัยหนุ่มกระทง ประสบความสำเร็จในอาชีพเซลแมนรถยนต์ กระทั่งสามารถเป็นเจ้าของโชว์รูมรถยุโรป VOLVO ได้สำเร็จ และเวลาเดียวกันเขายังหันไปจับธุรกิจค่ายมวย สร้างนักมวยดังหลายต่อหลายคนมาแล้ว
กระทั่งเกิดมรสุมวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 จากเสี่ย VOLVO สิระ ต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายในทันที
“หมดเป็นร้อยล้าน ไม่ใช่แค่หมดเงิน แต่หมดลูกหมดเมีย หมดทุกอย่างผมเคยล้มละลาย ธุรกิจมีปัญหาจนกระทั่งไม่มีที่ซุกหัวนอน เคยกระทั่งไปนอนตามป้ายรถเมล์ คือชีวิตจากที่เป็นเจ้าของโชว์รูมรถก็หายในพริบตา ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าการอยู่บนความประมาทนั้นจะต้องได้รับบทลงโทษ”
ความประมาทของ “สิระ” ที่พูดถึงนั้น เป็นเพราะเขาไม่ได้เจอเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่เขาหันหน้าเล่นการพนันอย่างบ้าคลั่ง
ครั้งนั้นเขาเคยคิดจะไม่สู้อยู่แล้ว แต่เมื่อคิดถึงพ่อแม่จึงตัดสินใจสู้อีกครั้ง โดยเจ้าตัวบอกว่า การพนันคือสิ่งที่ฉุดชีวิตของเขาดิ่งลงเหว
สิระ กล่าวว่า “คือผมนอนอยู่ตามป้ายแถวสนามหลวงรถเมล์เป็นเดือน อาบน้ำใต้สะพานปิ่นเกล้า เก็บขวดขายประทังชีวิต เพราะผมไม่ได้คิดจะไปพึ่งใครหรือไม่ได้คิดจะขอเพื่อน อีกอย่างมันเป็นการลงโทษตัวเองด้วย ที่ผมใช้ชีวิตอย่างประมาท คือตอนนั้นผมคิดว่าจะไม่สู้แล้ว และไม่อยากสู้อีกต่อไป กระทั่งผมคิดถึงพ่อแม่และลูกเมียที่จะต้องรับผิดชอบ จึงได้ฮึดสู้อีกครั้ง”
สิระ เล่าว่า หลังจากได้มีโอกาสนั่งคิด พิจารณาตัวเองเป็นแรมเดือน จึงได้ตัดสินใจโทรหาเจ้าหนี้ เพื่อขอโอกาสทำงานใช้หนี้ และเมื่อได้รับโอกาสก็สามารถใช้หนี้ได้สำเร็จ
ต่อมา “สิระ” มีเงินติดตัวอยู่ก้อนหนึ่ง เปิดสำนักงานทนายความ เพราะเคยทำงานคลุกคลีอยู่กับคนในวงการตำรวจ แต่ไม่นานนัก ก็ปิดสำนักงานทนายความ เพราะคนทนไม่ไหว ถ้าจะต้องช่วยเหลือผู้กระทำความผิด
เขา เล่าชีวิตช่วงนั้นว่า “ผมรวบรวมเงินทุนได้ 90,000 บาท ซึ่งเวลานั้น ผมก็ได้เจอกับช่างทำบ้านทรงไทยที่มีฝีมือและมีไอเดียที่ว่า ควรจะเอาบ้านทรงไทยในภาคเหนือ มาตั้งขายที่กรุงเทพมหานคร เพราะคนภาคใต้ หรือภาคอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปภาคเหนือ”
“จากนั้น ผมกับช่างจึงตกลงจะทำธุรกิจร่วมกัน โดยเป็นธุรกิจบ้านทรงไทย ผมคุยกับช่างว่าเราไม่มีเงินจ่ายนะ ขายได้ถึงจะได้เงิน แต่ถ้าเราจะรวยเราก็จะรวยไปพร้อมๆกัน เงินทุน 90,000 บาท ซื้อได้แค่เพียงเสากับหลังคาก็หมดแล้ว แต่เรามีแบบบ้าน ที่ทำให้ลูกค้ามาจองซื้อบ้านของเราได้”
ธุจกิจบ้านทรงไทย ของ “สิระ” เริ่มตั้งแต่ปี 2545 และประสบความสำเร็จเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยถือเป็นธุรกิจที่เจ้าตัวภาคภูมิใจที่สุดนับแต่ทำธุรจกิจมา ซึ่งปัจจุบัน “สิระ” ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด ด้วย
“ผมทำธุรกิจนี้มาไม่ได้ใช้งบโฆษณาแม้แต่บาทเดียว เพราะมีการบอกต่อปากต่อปาก วัตถุดิบทุกชิ้น นำเข้าหมด ทุกต้องตามกฎหมาย ใครซื้อไปต้องเรียกว่าคุ้มค่าเกินราคา”
หากใครผ่านมาผ่านไปย่านหลักสี่ หรือ ถนนแจ้งวัฒนะ จะเห็นป้ายรถเมล์ทรงไทย มีชื่อของ “สิระ” ปรากฎอยู่ นั่นคือสิ่งที่ “สิระ” ตอบแทนสังคม และย้ำเตือนกับตัวเองว่า เขาเคยล้มละลายและนอนป้ายรถเมย์
“ใครเข้ามาถนนแจ้งวัฒนะ จะเห็นป้ายรถเมล์สวยๆ ที่มาของป้ายรถเมล์สวยก็มาจากผมได้อาศัยป้ายรถเมล์เป็นที่นอนหลบแดดหลบฝน ซึ่งผมตั้งจิตตอนที่นอนอยู่ป้ายรถเมล์ว่า ถ้าผมฟื้นขึ้นมาได้ ผมจะสร้างไปรถเมล์สวยๆ ดังนั้น ถ้าไม่มีประสบการณ์การล้มละลาย วันนี้ผมก็อาจจะหลงระเริงหรือประมาทอยู่ก็ได้ ต้องขอบคุณความล้มเหลวครั้งที่แล้ว”
“สิระ” วาดหวังธุรกิจบ้านทรงไทยของเขาในอนาคตว่า จะมุ่งไปที่การช่วยเหลือสังคมเป็นหลัก โดยจะไม่เน้นเรื่องของรายได้อีกมากนัก
ดังเช่นปัจจุบัน บ้านทรงไทยของ “สิระ” เปิดให้เป็นที่รับเรื่องร้องเรียนของประชาชนในทุกวันเสาร์ โดยทุกวันเสาร์ เจ้าตัวจะรอรับการยื่นข้อร้องเรียนจากประชาชนด้วยตัวเอง