WHO ชี้ยุโรปฉีดวัคซีนโควิดช้าเกิน
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. องค์การอนามัยโลก (WHO) วิจารณ์อัตราความเร็วในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในยุโรปว่า “ช้าจนยอมรับไม่ได้” และเตือนว่าตัวเลขการติดเชื้อในปัจจุบันพุ่งสูงจนน่ากังวล
ฮันส์ คลูเกอ ผอ.WHO ประจำภูมิภาคยุโรประบุในวันเดียวกันว่า ความขลุกขลักในช่วงแรกของโครงการฉีดวัคซีนในยุโรปทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดยิ่งยาวนานออกไปอีก
“ วัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ไม่เพียงแต่จะใช้ได้ดี แต่ยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ” เขาระบุในแถลงการณ์
“อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนมีความล่าช้าจนรับไม่ได้ เราต้องเร่งกระบวนการด้วยการเร่งผลิต ลดกำแพงในการบริหารจัดการวัคซีน และใช้วัคซีนทุกโดสที่เรามีในสต็อก ”
ภูมิภาคยุโรปประกอบด้วย 53 ประเทศ คือ 27 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป , อดีตสมาชิกอย่างสหราชอาณาจักร , รัสเซีย , หลายประเทศเอเชียกลาง และอิสราเอล
โดย WHO ระบุว่า จนถึงตอนนี้ มีเพียง 10% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในภูมิภาคคือ 900 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโดสแรก ขณะที่มีเพียง 4% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว
มีเพียงไม่กี่ประเทศในยุโรป เช่น อิสราเอลและสหราชอาณาจักรที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง ขณะที่อีกหลายประเทศประสบความยากลำบากที่จะเร่งฉีดวัคซีนให้ได้มากเท่ากัน
โดยเฉพาะประเทศในอียูประสบปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอจากการขนส่งที่ล่าช้า กำลังการผลิตที่จำกัด และความผิดพลาดทางการเมือง
เดวิด เทเลอร์ ศ.กิตติคุณด้านยาและนโยบายสาธารณะประจำมหาวิทยาลัยลอนดอน ระบุว่าการขาดแคลนซัพพลายวัคซีนเป็นปัญหาเบื้องต้นของอียู
“ปัญหานี้ควรจะแก้ไขได้ในอีก 3 – 6 เดือนหน้า เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นและจะมีวัคซีนใหม่ๆ ออกมามากขึ้น ” เขาให้สัมภาษณ์
“ ปัญหารองลงมาของยุโรปคือการระวังมากเกินไป และเป็นเรื่องทางการเมือง”
เขาเน้นย้ำว่า ความขัดแย้งในการใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยม.ออกซ์ฟอร์ดและบ.แอสตราเซเนกาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่บ่อนทำลายผลประโยชน์ทางสาธารณสุข
WHO ชี้ว่า ความพยายามในการสร้างภูมิคุ้มกันในภูมิภาคให้กว้างขวางขึ้นมีอุปสรรคจากการที่ประเทศร่ำรวยกว้านซื้อวัคซีนให้ประเทศตัวเอง
“ทุกประเทศรายได้สูงในภูมิภาคยุโรปกำลังฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ขณะที่ประเทศรายได้ระดับกลางค่อนข้างสูง ฉีดได้ 80% และประเทศรายได้น้อยกว่าฉีดไป 60%”
คลูเกอระบุว่า ประเทศที่มีวัคซีนเหลือเฟือสามารถแบ่งปันให้กับโครงการโคแวกซ์ที่ WHO สนับสนุนเพื่อให้ประเทศยากจน หรือแบ่งปันให้ประเทศเหล่านั้นโดยตรง
ห้าสัปดาห์ก่อน ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อสัปดาห์ในยุโรปลดลงต่ำกว่า 1 ล้านราย อ้างอิงจากข้อมูลของ WHO
แต่สัปดาห์ก่อน ตัวเลขการติดเชื้อพุ่งขึ้นในหลายประเทศของยุโรป โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงทุบสถิติถึง 1.6 ล้านราย
ดอริต นิตซาน ผอ.ฝ่ายฉุกเฉินในยุโรปของ WHO ระบุว่า สถานการณ์ในยุโรปขณะนี้น่ากังวลมากขึ้นกว่าที่เคยเห็นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เธอเตือนว่า หากไวรัสยังคงแพร่ระบาดในโลก น่ากังวลว่าจะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆผุดขึ้นมาอีก
โดย 27 ประเทศในอียูตอนนี้ มีหลายประเทศที่ประกาศมาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ทั้งประเทศ
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มี 23 ประเทศที่คุมเข้มมากขึ้น แต่อีก 13 ประเทศกลับผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม