เมียนมายังปราบปรามหนัก
ย่างกุ้ง – เมื่อวันที่ 6 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของเมียนมายิงปืนตลอดคืนในนครย่างกุ้งหลังจากในตอนกลางวันมีการสลายการชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุดด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง
เมียนมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายมาตลอดหลังจากกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนและควบคุมตัวนางอองซานซูจีในวันที่ 1 ก.พ. มีการเดินขบวนประท้วงรายวันและมีการหยุดงานประท้วงทั้งในภาคส่วนธุรกิจและส่วนราชการ
มีการประท้วงรุนแรงทั่วประเทศอีกในวันที่ 6 มี.ค. และสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุมในเมืองย่างกุ้ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเมียนมา แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ช่วงกลางคืน ประชาชนระบุว่ามีทหารและตำรวจเคลื่อนกำลังเข้ามาในหลายเขตของย่างกุ้งและมีเสียงยิงปืนตลอดคืน
โดยมีการจับกุมคนไปอย่างน้อย 3 คน และไม่ทราบเหตุผลในการจับกุม
“ พวกเขามานำตัวพ่อและพี่ชายไป ไม่มีใครจะช่วยเราได้เลยหรือ ? อย่าแตะต้องพ่อกับพี่ของฉัน ถ้าจะพาพวกเขาไป ก็เอาเราไปด้วย” ผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนในขณะที่ชาย 2 คน ซึ่งเป็นนักแสดงและบุตรชายของเขาถูกจับกุมไป
ส.ส.คนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กว่า ทหารยังมาตามหาทนายความคนหนึ่งที่ทำงานให้พรรค NLD ของนางซูจี แต่หาไม่พบ
จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง มีผู้ถูกจับกุมตัวไปแล้วกว่า 1,500 คนหลังเกิดรัฐประหาร โดยสมาคมและสหประชาชาติยังระบุว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้วกว่า 50 คนจากการปราบปรามของตำรวจและทหาร
ทางการมีการขุดร่างของหญิงวัย 19 ปี ที่เป็นผู้ประท้วงรายแรกที่เสียชีวิต (ซึ่งเรียกกันว่า ‘แองเจิ้ล’ และกลายเป็นวีรสตรีของการประท้วงในเมียนมา) โดยมีการชันสูตรร่างของเธอเพื่อสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต
โดยพบว่าแผลที่ศีรษะของเธอ เกิดจากกระสุนที่แตกต่างจากที่ตำรวจใช้ โดยสื่อภาครัฐระบุว่า ตำรวจมีการประจันหน้ากับผู้ประท้วงในเวลานั้น และแผลที่ศีรษะด้านหลังของเธอเป็นปืน .38
“ดังนั้น สันนิษฐานได้ว่า มีผู้ไม่หวังดีได้กระทำการลอบสังหารเธอ” MRTV รายงานว่า เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะถูกตำรวจยิง เพราะตำรวจอยู่ด้านหน้าเธอ
ขณะที่ผู้ประท้วงที่อยู่ในเหตุประท้วงที่เมืองมัณฑะเลย์ร่วมกับแองเจิ้ลที่ถูกยิงระบุว่า พวกเขาถูกตำรวจใช้กระสุนจริงยิงมาที่กลุ่มผู้ประท้วง
จำนวนผู้ประท้วงที่เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สหรัฐฯและประเทศตะวันตกอื่นๆพากันใช้มาตรการคว่ำบาตรกับบรรดานายพลในเมียนมาที่ทำรัฐประหาร ขณะที่จีนระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเสถียรภาพและประเทศอื่นๆไม่ควรแทรกแซงกิจการภายในเมียนมา
ผบ.สูงสุดและนายพลอาวุโสมินอ่องหล่ายถูกประเทศตะวันตกคว่ำบาตรมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ขณะที่ผู้แทนสอบสวนของสหประชาชาติระบุว่า การปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างรุนแรงเหมือนสงครามการเมืองมีเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์