แรมโบ้ แจ้ง จับ ส.ส.ก้าวไกล ผิด 112 พาดพิงสถาบันฯ
“แรมโบ้อีสาน” แจ้ง ปอท.ดำเนินคดี อมรรัตน์ ส.ส.ก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กด่านายกฯ และเอาผิด ม.112 ด้วย
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน นายทศพล เพ็งส้ม และคณะทีมวอร์รูมฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผู้กำกับการสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีที่ใช้คำพูดกล่าวหาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขณะอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วนำข้อความคำพูดดังกล่าวไปโพสต์ในสื่อโซเชียล จนได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ ยังมีหลักฐานว่ามีการใช้ถ้อยคำที่ก้าวล่วงสถาบัน ฯ
นายสุภรณ์ กล่าวว่า จากการหารือของฝ่ายกฎหมาย และวอร์รูมของรัฐบาลเห็นว่า จะต้องมีการดำเนินการแจ้งความกับ น.ส.อมรรัตน์ ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งจากการติดตามพยานหลักฐานยังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มมวลชนที่มีพฤติกรรมในการสนับสนุนการก้าวล่วงและจาบจ้วงสถาบันด้วย
นายสุภรณ์ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้มอบหมายหรือสั่งการให้ดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ในฐานะที่ตนเองเป็นหนึ่งในทีมกฎหมายและวอร์รูมของรัฐบาล จึงเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวมีความผิดและเข้าข่ายในการทำผิดกฎหมาย จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยังเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อเอาผิด นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยยุยงให้คนหยุดงานเพื่อออกไปชุมนุม ซึ่งต่อมาเพจเยาวชนปลดแอกก็ได้นำข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อด้วย
โดยเห็นว่า ขัดกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้การร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้าง หรือร่วมกันไม่ยอมค้าขาย หรือติดต่อทางธุรกิจกับบุคคลใดๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อบังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนการใช้ช่องทางผ่านสื่อโซเชียลก็ยังเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิเตอร์ ด้วย คือ การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,00 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ