ฮาลองเบย์ อ่าวมังกรแห่งเวียดนาม
ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่มีสถานที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลก
จากองค์กรยูเนสโก้มากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยมีทั้งสิ้น 8 รายการเท่ากับประเทศอินโดนีเซีย แต่หากพูดถึงความนิยมในการท่องเที่ยวแล้ว เวียดนามดูจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ อย่างฮาลองเบย์ซึ่งเป็น 1 ใน 8 มรดกโลกของเวียดนามนั้น ก็ดูได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศไม่น้อยเลยทีเดียว
ฮาลองเบย์ (Halong Bay) หรืออ่าวฮาลอง ตั้งอยู่ในจังหวัดกว่างนิงห์ (Quang Ninh) อยู่ห่างจากกรุงฮานอยไปทางเหนือประมาณ 170 กิโลเมตร เป็นอ่าวที่อยู่ในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย ทางตอนเหนือของเวียดนามซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศจีน มีความยาวประมาณ 120 กิโลเมตร และมีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร ฮาลองเบย์ ประกอบไปด้วยเกาะหินปูนที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นผิวทะเลจำนวน 1,969 เกาะ โดยเกาะหินปูนเหล่านี้จะมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นบริเวณด้านบน และบางเกาะยังสามารถพบถ้ำขนาดใหญ่อยู่ภายในอีกด้วย ซึ่งถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชื่อ ถ้ำเสาไม้ ที่มีชื่อเดิมคือ กร็อตเดแมร์แวย์ (Grotte des Merveilles) ที่ตั้งโดยชาวฝั่งเศสที่ค้นพบเมื่อครั้งมาเยือนอ่าวแห่งนี้ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
เกาะที่มีขนาดใหญ่ และมีชาวบ้านตั้งรกรากอาศัยอยู่บนเกาะอย่างถาวร รวมถึงมีโรงแรมที่พักให้บริการนักท่องเที่ยว ได้แก่เกาะกัดบา (Cat Ba Island) และเกาะต่วนเจิว (Tuan Chau Island) ส่วนเกาะอื่นๆในอ่าวนั้น บางเกาะเป็นชายหาดที่สวยงามสำหรับให้นักท่องเที่ยวไปแวะเข้าไปเยี่ยมเยียน บางเกาะเป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ต่าง ๆ รวมถึงบางเกาะเป็นหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งหมู่บ้านชาวประมงนี้มีชื่อว่าหวุงเวียง ( Vung Vieng Fishing Village) เป็นทั้งแหล่งทำประมงของชาวเวียดนาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ซึ่งหากเดินทางมายังหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไผ่ที่มีฝีพายคอยท่าอยู่แล้ว ชมทิวทัศน์บริเวณรอบ ๆ ได้ โดยคิดค่าบริการคนละประมาณ 6 USD ซึ่งขณะนั่งเรือเที่ยวนั้นอาจจะเจอกับพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือมาขายของให้ถึงที่ หรือสำหรับผู้ที่จองพายเรือคายัคไว้กับบริษัทผู้ให้บริการท่องเที่ยว ก็สามารถมารับเรือเพื่อพายเล่นได้ ณ เกาะแห่งนี้
อ่าวฮาลองนั้น มีชื่อในภาษาเวียดนามว่า (Vinh Ha Long) ซึ่งมีความหมายว่า “ อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง ” ที่มาของชื่อเรียกนี้มาจากตำนานเล่าขานพื้นบ้านของคนเวียดนาม ที่เชื่อว่า ในอดีตขณะกองทัพชาวเวียดนามได้ทำการสู้รบกับกองทัพจีนที่เข้ามารุกราน เทพเจ้าได้ส่งมังกรให้มาปรากฏตัวเพื่อช่วยปกป้องกองทัพของชาวเวียดนาม ซึ่งภายหลังสงครามสงบลง มังกรเหล่านั้นได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเล บริเวณของอ่าวฮาลองในปัจจุบัน และเกิดอัญมณีรวมถึงหยกมากมายพุ่งกระเด็นออกมา กลายเป็นเกาะน้อยใหญ่กระจายไปทั่วบริเวณเพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้จากการถูกรุกราน และภายหลังได้ก่อตั้งเป็นประเทศขึ้นมา หรือก็คือประเทศเวียดนามในปัจจุบัน
จุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของอ่าวมังกร ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมา จะต้องไม่พลาดสัมผัสกับความงามอันน่าอัศจรรย์ นั่นคือ (Dong Thien Cung) หรือ ถ้ำสวรรค์ ภายในมีหินงอก หินย้อยเป็นจำนวนมาก และหินเหล่านี้ได้ถูกฉายด้วยแสงสีเพื่อให้หินมีสีสันที่สดใสแตกต่างกันไป โดยที่นี่มีการทำทางเดินให้กับนักท่องเที่ยวได้เดินชม และแบ่งโซนภายในออกเป็น 3 โซนใหญ่ นอกจากนี้ถ้ำเทียนกุงยังมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับมังกรเช่นกัน โดยชาวเวียดนามเล่าขานกันว่าภายในถ้ำแห่งนี้ มีมังกรสองแม่ลูกอาศัยอยู่
การเดินทางมาฮาลองเบย์สามารถนั่งรถบัสจากกรุงฮานอยไปยังเมืองฮาลอง โดยมีค่าใช้จ่ายต่อคนที่ 50,000 ด่อง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง – 4 ชั่วโมง เนื่องจากเวียดนามมีการจำกัดความเร็วอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การเดินทางใช้เวลานานเมื่อเทียบกับระยะทาง หลังจากนั้นต่อรถจากสถานีรถบัสไปยังท่าเรือของอ่าวฮาลองอีกประมาณ 15 นาที และต่อเรือเฟอรี่ไปยังเกาะกัดบา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจะใช้วิธีการเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งสามารถนั่งจากสถานี Gia Lam จากฮานอย ไปลงที่สถานี Ha Long ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวที่จะไปฮาลองเบย์ส่วนใหญ่จะนิยมซื้อซื้อแพ็คเกจทัวร์จากบริษัททัวร์ในกรุงฮานอยเพื่อไปล่องเรือที่ฮาลองเบย์ โดยมีให้เลือกทั้งแบบเที่ยว 1 วัน และแบบค้างคืน
ถึงแม้ฮาลองเบย์จะสามารถมาเที่ยวได้ตลอดเวลา แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาท่องเที่ยวที่ฮาลองเบย์ คือช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นที่นิยม แต่ชาวเวียดนามเองก็นิยมมาเที่ยวที่นี่เช่นกัน โดยชาวเวียดนามมักจะมาในช่วงเดือนพฤษาคมถึงสิงหาคม และนอกเหนือจากการชมความสวยงามตามธรรมชาติของเกาะและถ้ำต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาที่นี่คืออาหารทะเลที่สดอร่อย โดยเมนูแนะนำได้แก่ กุ้งนึ่งกับมะพร้าว ปู หอยนารม รวมถึงปลาชนิดต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มอิ่ม
ความสวยงามสมบูรณ์ทั้งทิวทัศน์เหนือผืนน้ำ และบรรยากาศลึกลับภายในถ้ำเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ฮาลองเบย์ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยองค์กรยูเนสโก ในปีค.ศ. 1994 ทำให้นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลการท่องเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติ ต่างพากันมาเยือนประเทศเวียดนามเพื่อสัมผัสให้เห็นถึงความงามอันเลื่องลือ หากใครที่ชอบความสงบและต้องการหลีกหนีจากแสงสีในเมืองใหญ่มาหาสถานที่พักผ่อนริมน้ำ นั่งมองเรือแล่นผ่าน การมาฮาลองเบย์ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชาร์จแบตให้กับชีวิต นอกจากจะสวยงามน่าประทับใจแล้วยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยด้วย