นิวซีแลนด์ติดเชื้อใหม่ในประเทศอีก ในรอบหลายเดือน
โอ๊กแลนด์ – เมื่อวันที่ 24 ม.ค. หน่วยงานสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ระบุว่า กำลังดำเนินการสอบสวนโรคกับชุมชนที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของประเทศในรอบหลายเดือน โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นหญิงที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
โดยหญิงวัย 56 ปี ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาถึงนิวซีแลนด์ในวันที่ 30 ธ.ค.ปีที่แล้ว ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ไม่กี่วันหลังออกจากสถานกักตัวของรัฐ เธอกักตัวอยู่ที่นั่นนาน 2 สัปดาห์และเธอมีผลตรวจเป็นลบถึง 2 ครั้ง
“เรากำลังเร่งดำเนินการเพื่อประเมินว่า นี่เป็นเคสผู้ติดเชื้อ ที่อาจเกิดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ หรือสหราชอาณาจักร หรืออาจเป็นบราซิล หรือสายพันธุ์อื่นอีก” นายแพทย์แอชลีย์ บลูมฟีลด์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวในการแถลงข่าว
ยังไม่มีความชัดเจนว่า หญิงคนนี้ติดเชื้อได้อย่างไร และเป็นโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่หรือไม่ นายแพทย์บลูมฟีลด์ระบุ
แต่เนื่องจากหญิงคนนี้ติดเชื้อหลังออกจากสถานกักตัวหลายวัน และพักอยู่ที่บ้าน ทำให้ทางการระบุว่า “เป็นการติดเชื้อในชุมชน”
นิวซีแลนด์ (ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19)
มีรายงานผู้ติดเชื้อล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข
มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด และมาตรการกักตัวช่วยให้นิวซีแลนด์กำจัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ภายในประเทศ
จนถึงตอนนี้ นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากร 5 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อสะสมจากโควิด-19 เพียง 1,927 รายเท่านั้น
แต่เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดทั่วโลก ทำให้มีผู้เดินทางกลับนิวซีแลนด์มากขึ้นพร้อมการติดเชื้อ ที่อาจเป็นไวรัสที่กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ ก่อให้เกิดความกังวลว่า โควิด-19 อาจแพร่ระบาดในประเทศอีกครั้ง
นายแพทย์บลูมฟีลด์ระบุว่า ผู้ป่วยหญิงรายนี้ ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ได้กักตัวทันทีที่มาถึงในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ในโอ๊กแลนด์
“ เคสนี้เตือนเราให้ตระหนักว่า การระบาดยังคงมีอยู่ และมันเป็นไวรัสที่เล่นงานเราได้ตลอด” เขากล่าว
ทั้งนี้ ความเห็นของชาวเน็ตในนิวซีแลนด์แสดงออกถึงความกังวลและไม่พอใจที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ผุดขึ้นอีกในประเทศ
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 ราย ทั้งหมดเป็นนักเดินทางที่มาจากต่างประเทศและกักตัวในสถานกักตัวของรัฐ ทำให้ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษาอยู่ทั้งหมด 79 ราย จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นถูกกดดันมากขึ้นจากประเด็นการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชน แต่รัฐบาลยืนยันว่า ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจะได้รับวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลังนี้