ปรากฏการณ์ Bitcoin กับความเสี่ยงการลงทุนรอบใหม่!
ใครที่คิดจะลงทุนกับเหรียญ Bitcoin ในเร็วๆนี้ ลอง “อ่าน/เช็คข้อมูล” จากแหล่งข้อมูลหลายๆ แหล่ง ดูก่อนดีกว่าไหม? ดูให้แน่ว่า…กำลังจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ก่อนตัดสินใจเสี่ยงโชค!!!
โลกของ “คริปโตเคอรเรนซี่” หรือ “เงินดิจิทัล” มีทั้งภาพความเป็นจริงที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ทั้งในแง่ของมูลค่าของเหรียญ และความมีตัวตนที่แท้จริง?
ภาพของ Bitcoin “สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก” ถูกนำไปเป็น “ต้นแบบ” ให้กับ “เงินดิจิทัล” รายใหม่อื่นๆ ตามมา
“ รู้งี้?…ลงทุนในเงินดิจิทัลไปนานแล้ว” นี่คือคำโฆษณาชวนเชื่อ! ขององค์กรหรือหน่วยงานที่พยายามจะออกเหรียญ “สกุลเงินดิจิทัล” ของตัวเอง และเสนอขายกับนักลงทุน
วลีข้างต้น…มาพร้อมกับประโยคที่คนบางกลุ่ม? พยายามจูงใจและโฆษณาชวนเชื่อ ทำนอง…
“การลงทุนใน “สกุลเงินดิจิทัล” ต้องเลือกในช่วงที่ภาพยังเบลอๆ เพราะหากรอให้ภาพเกิดความชัดเจน! กระทั่งมองเห็นและรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนเช่นที่ Bitcoin เป็นอยู่ นักลงทุนจะเอื้อมไม่ถึง เพราะราคาจะทยานขึ้นสูง จนจับต้อง (ลงทุน) ได้ยาก”
ก่อนหน้าที่ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ครอบคลุมการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 นั้น
หลายองค์กร/หน่วยงาน “ชิงตัดหน้า” ออก “เหรียญเงินดิจิทัล” มาก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด? แต่พวกเขาคิดเพียงแค่ว่า…กฎหมายจะไม่มีผลย้อนหลัง หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ตามมา
น.ส.รื่นฤดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. เคยบอกกับ เว็บไซต์ข่าว AEC10NEWS ก่อนหน้านี้ ทำนอง…
แม้กฎหมายจะไม่มีผลย้อนหลังก็จริง! แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชน (นักลงทุน) เป็นจำนวนมาก กระทั่ง มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” กับเจ้าของ “เหรียญเงินดิจิทัล” ผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) แล้ว
เรื่องจะถูกผูกโยง! จน ก.ล.ต. สามารถจะร่วมดำเนินคดีกับเจ้าของ “เหรียญเงินดิจิทัล” ที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและกับประชาชนได้
จนถึงปัจจุบัน มี เจ้าของ “เหรียญเงินดิจิทัล” หลายราย ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี…ในข้อหา “หลอกลวง” ร้ายแรงจนถึง “ฉ้อโกงประชาชน” บ้างแล้ว
ผลแห่งคดีความจะเป็นเช่นใด? แม้ต้องใช้เวลายาวนาน แต่ในที่สุด! ผลประจักษ์ย่อมต้องเกิดขึ้น และส่วนใหญ่…ประชาชนผู้เสียหายจะได้รับโอกาสการได้คืนทรัพย์สิน แม้จะได้ไม่ครบถ้วนตามที่เคยลงทุนไว้ก็ตาม…
หันไปดูที่ยักษ์ใหญ่ระดับโลก อย่าง… Bitcoin
แม้ตัวเหรียญฯเอง จะไม่มีปัญหาในเรื่องการฉ้อโกงนักลงทุน เพราะมีระบบการจัดการที่ดี มีเครดิตและมูลค่ามหาศาล แต่ทว่า…ก็มีบรรดา “โจรเสื้อสูท” ที่เชี่ยวชาญด้าน “ดิจิทัล เทคโนโลยี” สวมบทเป็น “แฮ็กเกอร์-สุดไฮเทค” ล้วงลับข้อมูลนักลงทุน และขโมยเอาเหรียญ Bitcoin ออกไปจากพอร์ตการลงทุน
สิ่งนี้…มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง!
ใหญ่สุด! น่าจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 (2557) หลังจาก Mt. Gox เว็บกระดานเทรด Bitcoin รายใหญ่สุด ณ ขณะนั้น ถูกแฮ็กเหรียญ Bitcoin ออกไปเป็นจำนวนมาก แม้ภายหลังนักลงทุนฯจะได้เหรียญคืนมาแค่ 90% หรือราว 137,891 เหรียญ
แต่นั่น ก็มีมูลค่า ณ ปัจจุบัน มากกว่าเมื่อ 7 ปีก่อน อย่างเทียบกันไม่ได้!
ปี 2514 มูลค่าของเหรียญ Bitcoin ที่นักลงทุนผู้เสียหายฯเรียกร้องนั้น อยู่ที่ 900 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ทว่ามูลค่า ณ ปัจจุบัน (เมื่อเวลา 15:08:24 น. ของวันที่ 18 มกราคม 2564) อยู่ที่ 36,126.4 ดอลลาร์ต่อเหรียญ
สูงกว่ากันถึง 7 เท่าตัว หรือราว 700% ทีเดียว!
ไม่น่าแปลกใจ เหตุใด? เว็บกระดานเทรด Bitcoin รายใหญ่สุด Mt. Gox จึงต้องปิดตัวลง หลังเกิดขึ้นได้ไม่นาน
มากกว่านั้น หากเหรียญ Bitcoin จำนวน 137,891 เหรียญ ถูกส่งคืนให้กับนักลงทุนเหล่านั้น จะมั่นใจได้อย่างไรว่า…จะไม่มีการเทขายเหรียญ Bitcoin ที่ได้รับคืนออกมา ในเมื่อมูลค่า ณ ปัจุบัน สูงกว่าเมื่อ 7 ปีก่อนถึง 700%
กลับหันมามองที่ประเทศไทย…เว็บกระดานเทรด Bitcoin ที่เชิญชวนนักลงทุนไทยเข้าลงทุน หรือซื้อขายบนกระดานฯของพวกเขาซึ่งแน่นอนว่า…มูลค่าแต่ละเหรียญทะลุ 1 ล้านบาทไปแล้วนั้น
ไม่น่าจะมี…นักลงทุนระดับกลางๆ ลงล่างรายใด? หาญกล้าเข้าลงทุน จะมีก็แต่…รายใหญ่ถึงยักษ์ใหญ่จริงๆ และต้องมีพฤติกรรมชอบเสี่ยง! ประเภท “กล้าได้กล้าเสีย” เสียด้วย
ส่วนนักลงทุนระดับกลางๆ ลงล่าง หากจะมี เพราะถือครองเหรียญฯกันไว้…คงเป็นกลุ่มคนที่เคยเข้าลงทุนตั้งแต่ที่เหรียญ Bitcoin ยังมีมูลค่าไม่สูงมากนัก และไม่ว่าพวกเขาจะ “ทนถือ” เพื่อการลงทุน และ/หรือ เพื่อเก็งกำไร…อย่างใด?
ความเปลี่ยนแปลงของราคาย่อมต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน! และเลี่ยงไม่ได้…
โดยเฉพาะ ทันทีที่นักลงทุน ซึ่งเคยถูกแฮ็กเหรียญ Bitcoin ไป และได้รับเหรียญฯคืนกลับมา โอกาสที่พวกเขาจะ “เทขาย” เก็บเงินสดย่อมมีสูง! หลังจาก “เงินจม” ไปกับการลงทุนมายาวนานมากกว่า 7 ปีขึ้นไป
ทันทีที่เกิด ปรากฏการณ์ “สุมหัว – เทขาย” นั้น มูลค่าหรือราคาเหรียญ Bitcoin ในตลาดโลก ย่อมต้องตกลงมาตามกฎ “ดีมานด์-ซัพพลายด์” อย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน
ระหว่างที่ยังรอลุ้นว่า…นักลงทุนกลุ่มนี้ จะได้รับคืนเหรียญ Bitcoin เมื่อไหร่? และโอกาสที่พวกเขาจะพากัน “เทขาย” กันเกิดขึ้นหรือไม่?
การลงทุนในระยะนี้…จะกลายเป็นความเสี่ยง เหมือนที่นักลงทุนตลาดหุ้นบ้านเรา สร้างวลี “ติดดอย” ขึ้นมาหรือไม่?
เวลาจะเป็นคำตอบให้!
แต่ที่แน่ๆ หากเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว…กว่าที่นักลงทุนฯจะเรียกเงินลงทุนกลับคืนมาได้นั้น คงต้องใช้เวลาอีกยาวนาน อย่างไม่ต้องสงสัย!!!.